เลือกตั้งปี 62 นี้ผมนึกถึงกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาแล้วก็ ที่ดินในจังหวัดขอนแก่น 1.4 ล้านบาทที่กำลังประกาศขายอยู่หน้าปากซอยอำมาตย์ 2
เรื่องที่ 1) นั้นมีข้อความขอให้ชำระหนี้และบอกเลิกสัญญาวันที่ 30 มกราคม 2562 กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาเลขที่ 89 อาคาร AIA Capital Center ชั้น 5 และ 6 ถนนรัชดาภิเษกแขวงดินแดงเขตดินแดงกรุงเทพฯ 10400เงินจำนวน 6หมื่นบาท
เรื่องที่ 2)บ้าน ถูกดูหมิ่นมั่วสุมเป็นอย่างนี้ครับ
เพราะความอยากออกpocket book ส่วนตัว( อบรมหรือด่ามันสิ.. หนีราชการหนีคุกเหมือนหนีทหาร มันไม่เคยสำนึกอะไรเลยว่าทำให้พ่อแม่คนอื่นเดือดร้อนมันร้อนประชดผู้ว่าไปเรื่อยๆแม้กระทั่งหลอกราชการไปรับกรรมเหมือนไถ่ชีวิตวัวชีวิตควาย หลอกให้ไปรับกรรมจน แม่เราพ่อเรา หาเรื่องเชื่อ ตนเองเดือดร้อนอีกเหมือนเดิม)
- งานชิ้นนี้สะสมมา22ปียังไมสะสาง จะเสร็จเเล้วผมเลิกหละ.. เอามาส่งคืน
สำนักงานทรัพยากรบุคคลมหาสารคามตรวจสอบ เรื่อง "ว่าร้าย ให้ร้าย สังคมรังเกียจ เเจ้งความถูกตี" (พี่ชายว่าผมพ่อตายเเม่จนถึงอมเงิน)
ขายหน้า ป.6กับผอ.บ้านเขื่อน หนองมันปลา
๕๒เเล้ว หลอกราชการผมต่อจากขอนแก่น
แต่ละเรื่องในย่อหน้า เชื่อมกับอีกเรื่องในย่อหน้า จะต้องมี Pot ราชการอยู่
2 เรื่อง potหนึ่งเป็นเรื่องราชการในจังหวัดหรือในต่างจังหวัดต่างเมือง แล้วPotเรื่องที่สองก็คือหลักของวิชาการที่ส่งงานมาให้ใบปริญญาตามมหาวิทยาลัยต่างๆสามารถนำมาเชื่อมแต่ละพอตย่อหน้าเรื่องใด
(แต่คุณครูที่นี่และพวก กำนันผู้ใหญ่บ้าน อรรถโปรตอนทำร้ายกันหลอกผมมาถึง 6 ปีแล้วไม่มีพอตเรื่อง 2 อย่าง เลย จาก ศาลากลางหรือทรงงานพระราชทานใบปริญญา)
2 สาเหตุใหญ่ที่เกิดปัญหา
1 ร้านคอมพิวเตอร์ ในขอนแก่นจับ ลูกค้าขโมยหรือทำลายทรัพย์สิน หรือคนที่มีพฤติกรรมตีสนิทหลอกเห*้ยไรในร้านคอมพิวเตอร์
2 พวกคนในหมู่บ้านตกเป็นผู้ต้องหาออกโทรทัศน์ ทำให้เป็นเพียงพวกมั่วสุ่มดักดานค้นดูหนังโป๊ ทำลายสุขภาพและเวลาว่าง
รวบรวมเรื่องราวไว้ว่า.. นายกทุจริต
ผมหวังว่า จะมีส่วนร่วมในการปรับปรุงภูมิทัศน์ศาลเจ้าพ่อขุนภักดีครั้งต่อไป
ในเมืองขอนแก่นมีศูนย์วิทยุ ราชการอยู่ 4ศูนย์ใหญ่ๆคือ สาธารณสุข มหาดไทย ตำรวจ กระทรวงศึกษาธิการ ก็รายงานความเคลื่อนไหวใน Facebook ผม Update แบบ Non Stop เหมือนกับเจ้าของร้านคอมพิวเตอร์ที่ลงทุนเปิดร้านเน็ตคาเฟ่พยายามที่จะจัดการข้อมูลสำรองข้อมูลเพื่อลูกค้า แต่สุดท้ายก็กลับกลายเป็น ตัว ทำให้ครอบครัวเราเสื่อมเสีย ขอให้ทุกท่านที่ได้รับข้อมูลข่าวสาร e ให้ความเป็นธรรมแล้วก็ให้ความไว้ใจว่าผมยังเชื่อถือไว้ใจได้อยู่นะครับ
🎤 ปัญหามั่วสุมล้อเลียน ชื่อผู้ว่าลายเซ็นผู้ว่าแต่งตั้งตำแหน่งในละแวกนี้ มีอยู่อย่างนี้นะ
ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามชื่อ
นายทองทวี พิมเสน เป็นลูกหลานของคนเขียนหนังสือชื่อประวัติเมืองขอนแก่นฉบับสมบูรณ์ของโรงเรียนกัลยาณวัตรและชมรมวัฒนธรรมจังหวัดขอนแก่น เป็นหนังสือที่เรียนกันตั้งแต่ชั้นประถมยันมัธยมเลยครับ แล้วตระกูลพิมเสนมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับขุนนาคะประเวศน์ซึ่งเป็นท่านขุนคนสุดท้ายในจังหวัดขอนแก่นท่ารพูดถึงการสร้างเมืองขอนแก่นประวัติเมืองขอนแก่น
แล้วก็อาศัยอยู่หลังโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นด้วย ทุกวันนะครับก็จะขีดๆเขียนๆไม่รู้ประสีประสาไม่รู้ความ
หลอกเป็นเจ้าที่ตรวจค่าน้ำเป็นราษฏร์เป็นญาติบอกเล่าตลอดมา9ปี มักนัดเเนะคนในหมู่7 หมู่18 หมู่10 โดยมากจะมีผู้ชายมาโวยวาย ติดคุกเปรียบเทียบจับ ทั้งห้ามทั้งยั่วยุดูหนังคลิปโป๊แล้วก็ผู้หญิง.อบตโง่ๆที่แอบวางทุ่นทำร้ายในดิน ขนาดให้คนอื่นเขาสามารถสำรวจดูร่างกายถึงอวัยวะส่วนตัวของตนเองได้เป็นคำพูดลั่นทุ่งล้านหมู่บ้านจนวันหนึ่งเขาก็เปรียบเทียบหาทรัพย์สินสมบัติของผมผมก็ไปตรวจดูแล้วก็ถูกทำร้ายปัจจุบันนี้ถูกยิงคาที่นอน
ปีต่อมา ผวจ.มค ชื่อ นายวีระวัฒน์ ชื่นวาริน พวกผู้ใหญ่บ้านกับตำรวจสายตรวจตำบลประจำหมู่บ้านชื่อผู้หมวดทีละ
ก็เหมือนเดิมครับ ผู้ว่าคนนี้นามสกุลชื่นวารินแม่ผมสอบได้ทำงานที่สำนักงานอุทยานน้ำพอง เพราะอย่างนี้ครับเพราะว่าเราถูกทุจริตขายบ้านเราไม่มีบ้านอยู่ บ้านเราเก่ามากครับอยู่ด้วยอิฐมวลเบา
ส่วนผมยังสมัครงานหางานทำไม่ได้เหลือแต่แม่กับน้าชื่อสมศรีพาไปสมัครงานที่สำนักงานอุทยานแม่สอบได้ครับ
ปีต่อมา ผวจ.มค ชื่อ นพวัชร สิงศักดา เเละนายชยาวุธ จันทร
ระหว่างที่แม่ไม่อยู่บ้านพวกผู้ใหญ่บ้านนัดญาติถือไม้หน้าสามจะมาตีครับ ผมกำลังนั่งอ่านระเบียบการตำรวจอยู่ครับ แล้วเป็นปีที่ก่อนหน้านี้ญาติผมหลอกจะไปเข้าทรงที่สำนักเข้าทรงแม่นาคน้อยที่ตำบลโคกสีตำบลพรหมนิมิต( ไม่นานมีชัยด้วยอาวุธใช้อาวุธ ตามชื่อของผู้ว่าราชการจังหวัด)
ตำรวจสายตรวจคืนนั้นมี
1.ผู้กำกับเอกพันธ์
2.ผู้หมวด เทพพิทักษ์ ซึ่งเป็นญาติกับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน
3.แล้วก็ญาติข้างบ้านของลุงผมเองครับเป็นญาติ ชื่อว่าร้อยตำรวจโทธีระ ไชยเดช
ที่ปรึกษาสายตรวจตำบลอู่ทอง
ปีต่อมา ผวจ.มค.ชื่อ โชคชัย เดชอัมมรธัญ
เลือกตั้งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมีญาติขี้เมาหรือมืดก็ไม่ทราบขี่รถชนนักปั่นจักรยานเฉลิมพระเกียรติรอบโลกชาวชิลีตาย
ไม่นานผมก็ถูกจับผิดเลยไปแจ้งความ สภ.บ้านโจด ผกก.คนเดิม ต่อมา c5 อ.คำนึงกุลสาเสียชีวิต
(ผู้ว่าชื่อนามสกุลว่า เดชอมรธัญแปลว่ากินข้าวไม่ตาย แต่ทำไมพอตายแล้วถึงต้องไปตรวจจิตเวชพร้อมฉีดยานอนหลับบอกว่าไม่ได้นอนเหมือนครูคำนึง 3 ปีแล้วยังไม่ผ่าน)
จากนั้นก็เริ่มจับลูกชายผู้ใหญ่บ้านทั้ง 2 คนข้อหาเสพยาเสพติดมั่วสุมอยู่ในบ้านคนแรกปี 58 คนที่สองปี 59
ส่วนปี 60 หลานผมแพ้ยารังสีงานเทคนิคการแพทย์โรงพยาบาลศรีนครินทร์
และรังสีตายแต่ก็ไม่ได้เสพยาเสพติดแต่ถือว่าปฏิบัติอย่างเลว ชั่วเหมือนติดยาเสพติดซะยังดีกว่า
ส่วนปี 61 เป็นป้าของผมที่เสียชีวิตไป
ผมเอาชีวิตรอดทั้ง 3 ปีแต่ทุกคืนทุกวันผูกครูผู้อำนวยการครูในโรงเรียนทั้งเขตพื้นที่การศึกษาประถมที่ 13 ล้อเลียนว่าไม่มีใบรับรองแพทย์แล้วพวกอาจารย์โรงเรียนบ้านหนองซอนก็มาล้อเลียนว่าเป็นบ้าทั้งๆที่ผมนอนดูโทรทัศน์อยู่ในบ้านรอกินข้าวเย็นรอแม่กลับบ้าน
จบ ปริญญาตรี รัฐประศาสนศาตร์ชนะคดีเเล้ว รอราชการพิจารณาใช้หนี้ทางอ้อม ทำไมพวก กำนัน ผู้ใหญ่บ้านเล่นเกมส์สังคมเเบบนี้ครับ
ภาพจากสถานที่: ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดมหาสารคาม
รพจ.ขอนแก่น หลอกตรวจสุขภาพ ออกใบรับรองเเพทย์ ( เคยฟ้องศาลปกครองเเล้วพระเทพทรงงานเเล้วชนะทางนิติธรรม เเละปัจจุบัน มันล้อประจานจับอีกสำเร็จ)
ปี2559-61 ผวจ.มค เสน่าห์ นนทะโชติ
ลูกของอาน้อย เเต่ที่ตายที่ป้ามะลิวรรณครับ
นนท์
เสน่าห์ คือ นำขบวน กับ เเต่งเพลงกลอนหมอลำเเทนเพลงโยธวาทิต นัดสอนมือถือสุดๆเเค้น
ปี2562 จันทรา เป็นชื่อของผู้ใหญ่บ้านคนแรกของน้องมันป่าชื่อว่า นายจันทา เนื่องชมพู
ตอนนี้ดูหมิ่นบุพการีมาตรา
ข้าฯเเต่ พณะท่านใต้เท้าฯ มาครั้งหนึ่งแล้วไม่กลัวไม่เคยคิดจะหนีราชการของคนชั่วแล้วด้วยพระบารมีที่ทุกคนในศาลากลางจังหวัดขอนแก่นและบรรดาคณาจารย์ขอนแก่นวิทยายนและก็เทศบาลคุ้มหนองคู ได้ร่วมกันถวายงานไปล่วงหน้าทั้งหมดทำให้ไม่หนีราชการแล้วก็ชนะทางอ้อมด้วย
แต่ที่หนองมันปลาขนาดนี้พวกครูบ้านนอกก็จะเข้าไปทำหน้าที่ในโรงเรียนแล้วให้ญาติทำหน้าที่เป็นกรรมการในหมู่บ้าน แบบนี้ภาษาหลอกเป็นนักเรียนเรียกว่า ทะเลาะกับนายอำเภอประมูลที่ดิน พ่ออยากจะได้ส่วนแบ่งราชการ ก็คือประโยชน์จากเงินได้จากราชการที่เป็นเงินเดือน เสียงแบบบ้านๆเรียกว่า หลอกเจ้าที่มีเรื่องกับลูกเมียน้อย แต่ความจริงเป็นคนอื่นที่เคยรู้จักเท่านั้นเอง
เรียกใครอยู่4เดือนกว่า..
ตรวจราชการดูบางมั้ย ขอคนช่วยเเจ้งความเป็นไง
ขอร่วมฉลองครบรอบวันฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 236 ปี และครบรอบวันศาลยุติธรรม🎉🎉โดยนำเหตุการณ์สำคัญในวงการศาลสมัยรัตนโกสินทร์มาเผยแพร่นะคะ
คดีพิสดารฮาสนั่นศาล!
ข้าหลวงต่างพระองค์ฯปล่อยทีเด็ด เอาอ้ายด้วนหัวขโมยเข้าคุก!!
มื่อปี ร.ศ. ๑๒๒ (พ.ศ. ๒๔๔๖) ได้มีคดีพิสดารชวนขบขันเกิดขึ้นที่เมืองอุบลราชธานี เมื่อ อำแดงสี จับ อ้ายเชียงทัน บ้านอยู่ตำบลในเมืองได้พร้อมของกลางที่ขโมยไป คือกระทะใบใหญ่ที่นางใช้ทอดขนมฝักบัวขายในงานออกร้านทุ่งศรีเมือง
อ้ายเชียงทันแขนด้วนแค่ข้อศอกทั้งสองข้างมาแต่กำเนิด ปฏิเสธเสียงแข็งว่ากระทะของกลางเป็นของตน ถ้าขโมยมาจะเอาไปได้อย่างไรในเมื่อแขนด้วนอย่างนี้ มือก็ไม่มีจะจับ อำแดงสีก็จำได้ว่าเป็นกระทะของตนเพราะใช้อยู่ทุกวันและเพิ่งหาย จึงไปแจ้งกำนัน เรื่องจึงต้องถึงโรงถึงศาล เพราะต่างฝ่ายต่างก็ยืนยันอย่างมีเหตุผล
คดีนี้มีผู้สนใจไปฟังกันมาก เพราะอยากรู้ว่าคนแขนด้วนกุดแบบนี้จะลักของเขาได้อย่างไร และศาลจะเชื่อข้างไหน
เมื่อถึงกำหนดวันพิจารณาคดี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพประสิทธิ์ประสงค์ ข้าหลวงต่างพระองค์ ว่าราชการมณฑลอีสาน ทรงเห็นว่าเป็นคดีแปลกประหลาด จึงเสด็จไปที่ศาลร่วมกับคณะตระลาการ
เมื่อเริ่มพิจารณาคดี ทั้งโจทก์และจำเลยต่างก็อ้างเหตุผลให้น่าเชื่อว่าตัวเองเป็นเจ้าของกระทะ ทำให้คณะตระลาการต่างตัดสินใจไม่ถูก เสด็จในกรมฯสรรพประสิทธ์ฯนั่งฟังโดยไม่ซักถาม มองหาลู่ทางที่จะตัดสินคดีนี้ แล้วก็ทรงสรุปคำตัดสินดื้อๆว่า
“จริงของนายเชียงทัน สมข้อต่อสู้ ให้เชียงทันเอากระทะใบนี้กลับคืนไป เพราะว่าเป็นกระทะของเขา”
อำแดงสีเมื่อได้ยินรับสั่งก็หน้าเสีย เพราะเป็นกระทะของตนจริงๆ แต่เมื่อรับสั่งเช่นนั้น ก็ไม่รู้จะทัดทานอย่างไร
ฝ่ายอ้ายเชียงทันอารามดีใจที่เถียงจนพ้นข้อหา แถมยังได้เป็นเจ้าของกระทะ จึงตรงไปที่ของกลางซึ่งวางอยู่กลางศาล เอาหัวเข่าข้างหนึ่งกดขอบกระทะที่วางหงายให้กระดกขึ้น แล้วก้มหัวลุนกระทะ พร้อมเอาแขนด้วนทั้งสองข้างช่วยประคอง พอเงยหน้ากระทะก็ขึ้นไปเทินอยู่บนหัว รีบเดินตัวปลิวจะออกจากศาล
คณะตระลาการเห็นการกระทำของอ้ายเชียงทันคล่องแคล่วรวดเร็วต่างตกตะลึง แต่เสด็จในกรมฯทรงพระสรวลแล้วรับสั่งว่า
“เฮ้ย เดี๋ยวก่อนอ้ายเชียงทัน กลับมานี่ก่อน ขั้นแรกแกต่อสู้ว่าแขนด้วนไม่มีมือจับ เอาไปไม่ได้ บัดนี้ปรากฏว่าเห็นชัดแก่ตระลากรและคนทั้งปวงแล้วว่า แกเอากระทะใบนั้นไปได้ด้วยวิธีอย่างไร การให้การเท็จต่อศาลและมีความผิดจริงสมดังโจทก์กล่าวหา จะแก้ตัวว่าอย่างไร”
อ้ายเชียงทันยกแขนด้วนทั้งสองข้างขึ้นประคองกระทะ แล้วก้มหัวเอากระทะวางลงกลางศาล เงยหน้าขึ้นมาสารภาพแต่โดยดี จึงมีรับสั่งให้ตระลาการตัดสิน เอาอ้ายเชียงทันเข้าตะราง คืนกระทะให้อำแดงสีไป
นายพลตรี มหาอำมาตย์เอก มหาเสวกเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ มีพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าชุมพลสมโภชเป็นพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ที่ 37 และเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 21 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระองค์ที่ 3 ใน เจ้าจอมมารดาพึ่ง ประสูติเมื่อวันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2400 ทรงเป็นต้นราชสกุลชุมพล
พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช ทรงสำเร็จการศึกษาทางด้านกฎหมายและด้านช่าง ทรงเริ่มรับราชการในกรมช่างทหารใน และดำรงตำแหน่งราชองครักษ์ (เอดเดอแกมป์) ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. 2427 ทรงรับราชการในตำแหน่งอธิบดีศาลฎีกาและศาลแพ่ง ใน พ.ศ. 2436 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้า ฯ ให้สถาปนาพระเกียรติยศเป็น พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสรรพสิทธิประสงค์ ตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ
ต่อมาทรงได้รับแต่งตั้งให้เป็นข้าหลวงใหญ่ต่างพระองค์ ข้าหลวงต่างพระองค์นั้นเป็นตำแหน่งสำคัญที่มีอำนาจยิ่งใหญ่กว่าข้าหลวง ข้าหลวงพิเศษอุปราชหรือสมุหเทศาภิบาล เพราะคำว่า "ต่างพระองค์" มีความหมาย "ต่างพระเนตรพระกรรณ" และสำเร็จราชการ ก็มีความหมายถึง "ความสำเร็จเด็ดขาดที่ได้รับมอบจากองค์พระเจ้าแผ่นดิน" อันได้แก่ "การบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่พสกนิกร คือความสมบูรณ์พูนสุขอยู่ดีกินดี" ตำแหน่งข้าหลวงต่างพระองค์นี้เท่าที่ปรากฏทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ มี 3 พระองค์ คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ เจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงพิชิตปรีชากร และพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม
เสด็จไปรับราชการที่มณฑลลาวกาว ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นมณฑลอีสาน ครอบคลุมท้องที่จังหวัดอุบลราชธานี ยโสธร อำนาจเจริญ สุรินทร์ ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม นครจำปาศักดิ์ และกาฬสินธุ์ และตั้งกองบัญชาการที่จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ปี พ.ศ. 2436 โดยทรงรับผิดชอบทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน
ต่อมาในปี พ.ศ. 2442 ทรงค้นพบ ประสาทพระวิหาร บนผาเป้ยตาดี จังหวัดศรีสะเกษ และได้ทรงจารึก ร.ศ. ที่พบ และพระนามไว้ที่บริเวณชะง่อนผาเป้ยตาดี มีข้อความว่า "118 สรรพสิทธิ"
พระองค์ปกครองมณฑลอิสานเป็นเวลากว่า 17 ปี กระทั่งปี พ.ศ. 2453 ได้เสด็จกลับกรุงเทพฯ และทรงได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงวัง
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงได้รับสถาปนาพระเกียรติยศเป็น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ และได้กราบถวายบังคมลาออกจากราชการ เนื่องจากทรงชราและมีพระอนามัยไม่สมบูรณ์ กระทั่งสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2465 พระชันษาได้ 65 ปี..Cr. wikipedia
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จากเพจพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์
ขอบคุณเรื่องเล่าจาก เฟสบุค
มหาสารคามก็รู้น่ะ
##############################
คนที่เคยพบเคยรู้จัก
สุรินทร์ สี_ _ _ ในวัดสระเกตุ
หนองมันปลา
น้านาง /ยายเลี่ยม สิงห์อุดม
ตรวจราชการล่าสุด
วันที่ 24 พฤษภาคม
2560
กำหนดการการตรวจราชการ
ของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต 12
(นางภัทรภร ฐิติยาภรณ์)
-เวลา
14.00 น
ประชมคณะกรรมการธรรมาภิบาล จ.มหาสารคาม
ครังที่ 2/
2560 ณ ห้องประชิมที่ว่าอาเกอเชียเยี่น
จ.มหาสารคาม
-เวลา
17.00 น
ออกสอดส่องโครงการก่อสร้างถนนิคอนกรีตบ้าน
นองบุญช ม. 5, 1 7 ต.กู่ทอง อ.เชียงยืน จ
มหาสารคาม
จาก นายธัชชัยศิษย์ คลังแสง
บ้าเพ็ญประโยชน์ นิพนธ์ ขุนภักดี
ขรก.ฒ.ฒ.10 7 18 คบ.กษบ.โฉ้ดโด..
************************************
ทูลกระหม่อมฯจะทรงงานนายกฯ
so yes sir การเลือกตั้ง ที่จะถึงนี้ก็เป็นไปตามนี้คือ
พรรคประชาธิปัตย์ อาจารย์ อภิสิทธิ์
แล้วก็พรรคไทยรักษาชาติของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ ขณะนี้ ดังมากในกระเเสทีวี
ส่วนพรรคพลังประชารัฐจะมาเป็นอันดับสามแน่นอนผม ไม่ขอออกความเห็นเรื่องนี้ครับ
แต่เห็นมิติใหม่ทางการเมืองที่ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์พระองค์ทรงเล่นการเมือง เป็นนายกรัฐมนตรี เหมือนประเทศ อินโดนีเซีย ประเทศกัมพูชา แต่ผมรู้นะว่าความแรง เด็ดขาด ความรักจงรักภักดี
ความมีน้ำใจแบบ TO BE NUMBER ONE เป็นยังไง
มีรายงานว่าหลังจากพรรคการเมืองทราบข่าวการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยรักษาชาติ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ หลายพรรคได้ติดต่อมายัง กกต.เพื่อขอถอนรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรค ออก ซึ่งเรื่องนี้
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต.ยืนยันว่าพรรคการเมืองที่เสนอชื่อ นายกรัฐมนตรี ต่อ กกต.แล้ว ไม่สามารถถอนชื่อ ออกได้ เนื่องจากตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 13 วรรค 2 กำหนด ชัดว่าพรรคการเมืองจะถอนหรือเปลี่ยนแปลงรายชื่อบุคคลที่พรรคเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นได้ก็ต่อเมื่อผู้ถูกเสนอชื่อ ตาย หรือ ขาดคุณสมบัติเท่านั้น และต้องถอนก่อน เวลา ปิดรับสมัคร 16.30 น.พรรคการเมือง จะไม่สามารถถอนเพราะเหตุผลอื่นได้
*****************************************
ตอนนี้ 10 กุมภาพันธ์ กกต.ฟ้องศาลยุบพรรคไทยรักษาชาติหลัง พระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชโองการเกี่ยวกับ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์
******************
พระราชวงศ์ตั้งแต่ชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไป ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งทางการเมือง ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๕ (จากการรวบรวมข้อมูลในเบื้องต้น)
.
หม่อมเจ้านนทิยาวัด สวัสดิวัตน์ พระโอรสในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์ เคยดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลพลเรือตรี ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ โดยได้รับแต่งตั้งเมื่อวันที่ ๒๔ ส.ค. ๒๔๘๙ และได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศในรัฐบาลเดียวกัน เมื่อวันที่ ๓๑ พ.ค. ๒๔๙๐
.
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิวัฒนไชย (ขณะดำรงพระยศเป็น “หม่อมเจ้าวิวัฒนไชย ไชยันต์”) พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย เคยดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลนายควง อภัยวงศ์ โดยได้รับแต่งตั้งครั้งแรก เมื่อวันที่ ๑๑ พ.ย. ๒๔๙๐ ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๒๕ ก.พ. ๒๔๙๑ และเคยดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลจอมพลแปลก พิบูลสงคราม โดยได้รับแต่งตั้งเมื่อวันที่ ๓๐ พ.ย. ๒๔๙๑ และครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๒๘ มิ.ย. ๒๔๙๒
.
หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศร์วรฤทธิ์ เคยดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ ในรัฐบาลนายควง อภัยวงศ์ โดยได้รับแต่งตั้งเมื่อวันที่ ๒๒ พ.ย. ๒๔๙๐
.
นาวาอากาศเอก หม่อมเจ้ารังษิยากร อาภากร พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เคยดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ ในรัฐบาลนายควง อภัยวงศ์ โดยได้รับแต่งตั้งเมื่อวันที่ ๒๕ ก.พ. ๒๔๙๑ และเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลจอมพลแปลก พิบูลสงคราม โดยได้รับแต่งตั้งเมื่อวันที่ ๑๕ เม.ย. ๒๔๙๑ ซึ่งต่อมาทรงได้รับมอบหมายให้เป็นรัฐมนตรีสั่งราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
.
พลตรี หม่อมเจ้าปรีดิเทพย์พงษ์ เทวกุล พระโอรสในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ เคยดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลจอมพลแปลกพิบูลสงคราม โดยได้รับแต่งตั้งเมื่อวันที่ ๑๕ เม.ย. ๒๔๙๑
.
พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร กรมหมื่นนราธิปพันธ์พงษ์ (พระนามเดิม “หม่อมเจ้าวรรณไวทยากร วรวรรณ) พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ เคยดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลจอมพลแปลก พิบูลสงคราม โดยได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งครั้งแรก เมื่อวันที่ ๒๘ มี.ค. ๒๔๙๕ ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๓๑ มี.ค.๒๕๐๐ ต่อมาได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลนายพจน์ สารสิน โดยได้รับแต่งตั้งเมื่อวันที่ ๒๓ ก.ย. ๒๕๐๐ แล้วเป็นรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร เมื่อวันที่ ๑ ม.ค. ๒๕๐๑ และรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เมื่อวันที่ ๑๐ ก.พ. ๒๕๐๒
.
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธุ์เพ็ญศิริจักรพันธุ์ (ขณะดำรงพระยศเป็น “หม่อมเจ้าจักรพันธุ์เพ็ญศิริ จักรพันธุ์) พระโอรสในพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์ เคยดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาลนายสัญญา ธรรมศักดิ์ โดยได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๖ ต.ค. ๒๕๑๖ และครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๓๐ พ.ค. ๒๕๑๗
************************************
ขุนภักดีมาจากบุนนาคเลยขอร่วมกลุ่มด้วย.. เคยได้ราชการด้วยเเละสืบเชื้อสายอีกหลายชั้น
สวัสดีครับ ทุกคนคงลืมเรื่องราวราชการเกี่ยวข้องกับพระราชวงค์อย่างไร
เห็นการรวมกลุ่มมีวัตถุประสงค์ราชการและสังคม ดังนี้
1) ขึ้นบัญชีราชนิกุล ขอรับพระราชทาน บรรดาศักดิ์ (แม้จะยกเลิกในสมัยจอมพล.ป.พิบูลย์สงคราม ใครรู้บ้างว่า สมัยหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ มีการใช้อีก แต่ไม่มีการขอพระราชทานอีก มีทางเดียวฅือ พวกเราเป็น นายกฯไปปฎิรูป) และขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เช่น ตติยานุจุลจอมเกล้า "ตราสืบสกุล"
2)ถวายตัวรับราชการ เช่น เดียวกับบุตรข้าราชบริพาล
3) ร่วมทำบุญให้กับบรรพบุรุษ ที่ คณะกรรมการชมรมราชนิกุลบุนนาค จัดขึ้นที่วัดประยุรวงศาวาส วัดพิชัยญาติ ทุกปี มีการลงข่าวสารก่อนด้วย
4)พบคนดังบุนนาค ฟังนโยบาลกลุ่มเรากับสังคม นโยบายการมีบรรดาศักดิ์ นโยบาลสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดจนมี นายกฯหรือนักการเมืองมาPost
5) พบปะสังสรรฅ์คนอยากจะเป็นราชนิกุลบุนนาค ของเขาและเธออีก
:-) ;-) B-)
เป็นหน้าที่ของฅนที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องเร่งจัดการครับ เรื่องกิจกรรม
เมื่อขุนนางบริหารราชการ (เล่นการเมือง)
บรรพบุรุษเราเคยนำพาชาติเป็นไทยเช่นกัน
...เมื่อขุนนางเถลิงอำนาจ (อีกครั้ง)...
ซีรี่ส์ #ระเบิดเวลาการเมืองกรุงศรี ตอนที่ 4 (เกือบจบแล้ว)
ความเดิมเมื่อตอนที่แล้ว.... .
ภายหลังการสำเร็จโทษหม่อมไกรสร หรือกรมหลวงรักษรณเรศเมื่อปี พ.ศ.2391 ก็เรียกได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทางการเมืองในสมัยรัชกาลที่ 3 นอกจากการระงับสงครามกลางเมืองที่อาจจะเกิดขึ้น
ประการหนึ่ง มรณกรรมของกรมหลวงรักษ์รณเรศทำให้รัชกาลที่ 3 ทรงขาดเสาหลักค้ำจุนราชบัลลังก์ไปจนหมด เนื่องจากว่ากรมหลวงรักษรณเรศนั้นถือเป็นกำลังสำคัญยิ่งต่อการก้าวสู่ราชบัลลังก์ของรัชกาลที่ 3
ย้อนกลับไปสมัยรัชกาลที่ 2 ครั้งนั้นเกิดกลุ่มอำนาจของเจ้านายชั้นพระองค์เจ้าอยู่สามพระองค์ ได้แก่ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ (พระองค์เจ้าทับ) กรมหมื่นรักษรณเรศ (พระองค์เจ้าไกรสร) และกรมหมื่นสุรินทรรักษ์ (พระองค์เจ้าฉัตร) ทั้งสามพระองค์นี้มีพระชนมายุที่ไล่เลี่ยกัน และมีคุณวุฒิเต็มเปี่ยมทั้งสามพระองค์ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์นั้นทรงชำนาญด้านการค้าขาย จึงมีเครือข่ายในวงการการค้าอย่างกว้างขวาง ส่วนกรมหมื่นรักษรณเรศ และกรมหมื่นสุรินทรรักษ์นั้นก็ทรงกำกับกรมสำคัญในบ้านเมืองโดยตลอด ทำให้ทั้งสามพระองค์มีอิทธิพลยิ่ง และมีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์หลายครั้งของบ้านเมือง ครั้งหนึ่งเมื่อปี พ.ศ.2359 ครั้งนั้นมีบัตรสนเท่ห์ตกในพระราชวังหลวง เมื่อนำมาอ่านดูก็พบว่าเป็นโคลงสี่สุภาพ ความว่า
“ไกรสรพระเสด็จได้ สึกชี
กรมเจษฎาบดี เร่งไม้
พิเรนทรแม่นอเวจี ไป่คลาด
อาจพลิกแผ่นดินได้ แม่นแม้นเมืองทมิฬ”
เมื่อรัชกาลที่ 2 ทรงทราบก็ทรงเห็นว่าข้อความนี้เป็นข้อความอันหยาบช้า จึงให้หาตัวคนเขียนมาลงโทษให้จงได้ เมื่อเหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิตประชุมเพื่อสืบหาคนเขียนแล้ว ก็ฟันธงได้ว่าต้องเป็นฝีมือกรมหมื่นศรีสุเรนทร์ (พระองค์เจ้าคันธรส) แน่นอน เพราะข้อความในโคลงนั้นมุ่งหมายถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ กรมหลวงรักษรณเรศ และกรมหมื่นสุรินทรรักษ์ทรงตัดสินคดีปาราชิกของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (บุญศรี) แห่งวัดมหาธาตุ พร้อมด้วยพระเถระอีกหลายรูป ข้อหาปาราชิก เป็นเหตุให้พระภิกษุเหล่านั้นถูกจับสึก และกรมหมื่นศรีสุเรนทร์นั้นก็เป็นศิษย์เอกของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (บุญศรี) เมื่อจับกุมกรมหมื่นศรีสุเรนทร์มาได้ก็จัดการไต่สวนจนรับสารภาพว่าเป็นผู้เขียนบัตรสนเท่ห์นั้นจริง อย่างไรก็ตามกรมหมื่นศรีสุเรนทร์ก็สิ้นพระชนม์ลงก่อนที่จะมีตัดสินคดี คดีจึงปิดไป
เหตุบัตรสนเท่ห์ครั้งนั้น จึงเป็นการแสดงถึงความระแวงต่ออิทธิพลของเจ้านายทั้งสามพระองค์ไปในตัว โดยเฉพาะจากบาทสุดท้ายของโคลงบัตรสนเท่ห์ และน่าจะเป็นเหตุอันท้าทายต่อสถานะของเจ้านายทั้งสามพระองค์ด้วย ดังที่รัชกาลที่ 3 ทรงกล่าวย้อนความถึงต่อกรมหลวงรักษรณเรศก่อนจะถูกสำเร็จโทษในเรื่อง “ทิ้งหนังสือ”
เมื่อรัชกาลที่ 2 สวรรคตลง กรมหมื่นรักษรณเรศนับได้ว่าเป็นโต้โผหลักในการสนับสนุนให้กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ให้ได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน และพยายามกำจัดคู่แข่งทางการเมืองของรัชกาลที่ 3 โดยเฉพาะวชิรญาณภิกขุ (เจ้าฟ้ามงกุฎ) ผู้เป็นองค์สมเด็จหน่อพระพุทธเจ้าในรัชกาลที่ 2 และต้องพลาดจากราชบัลลังก์ไปเมื่อสิ้นรัชกาลที่ 2 นั่นเอง และเมื่อรัชกาลที่ 3 ทรงได้ราชสมบัติแล้ว ก็ทรงมอบหมายภารกิจสำคัญให้แก่เสาหลักทั้งสองพระองค์ กรมหมื่นรักษรณเรศทรงได้กำกับกรมสังฆการี และกรมวัง ภายหลังได้กำกับกรมคชบาลด้วย ส่วนกรมหมื่นสุรินทรรักษ์นั้นทรงได้กำกับกรมนครบาล ครั้งกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพสวรรคตในปี พ.ศ.2375 เจ้านายทั้งสองพระองค์นี้ก็เป็นที่คาดหมายอย่างมากที่สุดว่าจะได้เป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคลองค์ต่อไป
แต่ทว่าทั้งสองพระองค์ก็ไม่ได้เป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล กรมหมื่นสุรินทรรักษ์สิ้นพระชนม์ลงในปี พ.ศ.2373 ส่วนกรมหลวงรักษรณเรศก็ทรงต้องคดีในปี พ.ศ.2391 อีกทั้งเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ขุนศึกคู่พระทัยก็ถึงแก่อสัญกรรมในปีถัดมา เมื่อเป็นเช่นนี้ เสาหลักของราชบัลลังก์รัชกาลที่ 3 ก็หมดไปจนสิ้น
อีกประการคือ การสำเร็จโทษหม่อมไกรสร ทำให้เกิดการพลิกขั้วทางการเมืองครั้งใหญ่ ในเวลานั้นได้เกิดกลุ่มอำนาจทางการเมืองขึ้นมาใหม่อีกกลุ่มหนึ่ง เป็นกลุ่มซึ่งเติบโตมาจากการค้าอันรุ่งเรืองในรัชกาลที่ 3 กลุ่มที่ว่านี้คือกลุ่มขุนนางสกุล “บุนนาค” นั่นเอง
กลุ่มขุนนางสกุลบุนนาคนี้ สืบเชื้อสายมาจากเจ้าพระยาบวรราชนายก (เฉกอะหมัด) แห่งกรุงศรีอยุธยา ต่อมาท่านเฉกก็มีเชื้อสายตกทอดลงมาถึงเจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (บุนนาค) อดีตทนายหน้าหอของรัชกาลที่ 1 เจ้าพระยาอรรคมหาเสนาบุนนาคมีบุตรกับเจ้าคุณพระราชพันธุ์ (นวล) พระขนิษฐาในกรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ ในรัชกาลที่ 1 หลายคน แต่ที่สำคัญคือคุณชายดิศ และคุณชายทัต ในสมัยรัชกาลที่ 3 นั้น คุณชายดิศได้เป็นเจ้าพระยาพระคลัง ว่าที่สมุหพระกลาโหม ส่วนคุณชายทัตได้เป็นพระยาศรีพิพัฒนรัตนราชโกษา จางวางพระคลังสินค้า เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) นี้มีบุตรคือพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง) รับราชการมหาดเล็ก บุคคลทั้งสามท่านนี้จะกลายเป็นผู้กุมชะตาการเมืองหลังปี พ.ศ.2391 เป็นต้นมา
เมื่อกรมหลวงรักษรณเรศ (หม่อมไกรสร) ถูกสำเร็จโทษ กล่าวกันว่าเจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) ถึงกับร้องขึ้นมาว่า “พระนั่งเกล้าไม่ทรงซื่อตรงต่อผู้ภักดี ท่านใช้เราเปนบรรไดขึ้นถึงที่สูงได้แล้ว ท่านจะเตะบรรไดเสีย" เพราะอันที่จริงแล้วเหล่าขุนนางเองก็เป็นผู้มีส่วนทำให้รัชกาลที่ 3 ทรงได้ราชสมบัติ แต่การประหารหม่อมไกรสรนั้นก็นับว่าสร้างความระแวงแก่เหล่าขุนนางที่เคยสนับสนุนพระองค์ เพราะแม้แต่แกนนำหมายเลขหนึ่งที่ทำให้พระองค์ได้ราชสมบัตินั้นยังต้องพระราชอาญาอย่างหนักถึงขั้นถอดยศและประหาร
หม่อมเจ้าพูนพิศมัย ดิศกุล ยังทรงเล่าถึงเรื่องตอนนั้นไว้ว่า “หม่อมไกรสรว่าสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ว่า “ตึกสำเร็จแล้วก็รื้อนั่งร้านเป็นธรรมดา” และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 โปรดให้เอาดอกไม้ธูปเทียนไปขอขมา (fogive and forget) ว่าสิ่งไรที่ได้ทำร้ายต่อพระองค์ท่านมา ท่านทรงยกโทษให้, ขออย่าให้เป็นเวรเป็นกรรมกันต่อไปอีกเลย. แต่หม่อมไกรสรกำทรายตอบว่า จะขอผูกเวรไปทุกชาติ์เท่าเม็ดกรวดเม็ดทราย! พวกเจ้าๆ ชั้นข้าพเจ้าได้เคยฟังผู้ใหญ่เล่าเรื่องนี้มาแต่เล็กๆ และเคยร้องไห้สงสารปู่ของตัวเอง (คือรัชกาลที่ 4) มาเสมอ, จึงจำได้ดี”
เมื่อรัชกาลที่ 3 ทรงทราบว่าเจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) กล่าวดังนั้น ก็กริ้ว เจ้าพระยาพระคลังดิศถึงกับต้องหนีไปตั้งกองสักเลกที่ชุมพร เพื่อหนีราชภัยชั่วระยะหนึ่งทีเดียว แต่เมื่อเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์) อันเป็นอีกหนึ่งเสาหลักค้ำราชบัลลังก์ถึงแก่อสัญกรรมในปี พ.ศ.2392 กลุ่มขุนนางที่มีอำนาจที่สุดก็กลายมาเป็นกลุ่มบุนนาคนี้เอง
ฝ่ายวชิรญาณภิกขุนั้น เมื่อกรมหลวงรักษรณเรศถูกสำเร็จโทษ ก็เป็นช่วงเดียวกับที่พระองค์ทรงได้รับพระพุทธรูปองค์หนึ่ง พระองค์ทรงให้ชื่อว่า “พระไพรีพินาศ” ซึ่งไพรีของพระองค์พินาศไปก็ไม่ใช่ใครอื่น...กรมหลวงรักษรณเรศนั่นเอง
วชิรญาณภิกขุพระองค์นี้นั้น ทรงเป็นเจ้านายที่มีทีท่าที่แตกต่างจากรัชกาลที่ 3 นั่นคือทรงมีความเป็นมิตรต่อโลกตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นผู้คน หรือวิทยาการ ต่างจากรัชกาลที่ 3 ซึ่งทรงมีทีท่าต่อต้านตะวันตกอยู่ไม่น้อย เมื่ออุดมการณ์ของวชิรญาณภิกขุมีความสอดคล้องกับอุดมการณ์ของกลุ่มบุนนาค (ซึ่งก็น่าจะไม่พอใจนโยบายของรัชกาลที่ 3 อย่างเงียบๆ มาระยะหนึ่งแล้ว) สายตาของกลุ่มบุนนาคจึงจับจ้องอยู่ที่วชิรญาณภิกขุนั่นเอง
อันที่จริงวชิรญาณภิกขุก็ทรงเป็นที่จับจ้องของผู้คนมานานแล้ว เมื่อปี พ.ศ.2379 มีข่าวลือว่าวชิรญาณภิกขุทรงซ่องสุมกำลังพลไว้ รัชกาลที่ 3 จึงทรงให้วชิรญาณภิกขุย้ายมาประทับเป็นเจ้าอาวาสวัดใหม่ย่านบางลำภู ที่กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพทรงสร้างค้างไว้ นั่นคือวัดบวรนิเวศ ข่าวลือจึงสงบไป
....................................................
อีกประเด็นหนึ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น คือการสืบราชสมบัติ
ครั้งนั้นนับได้ว่า เจ้านายที่ทรงอิทธิพลพอจะดำรงตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคลก็หมดสิ้นไปแล้ว และรัชกาลที่ 3 เองก็น่าจะทรงหยั่งรู้ถึงความคิดของขุนนางทั้งหลาย จึงทรง “แทงกั๊ก” ในเรื่องนี้มาโดยตลอดตั้งแต่ก่อนมรณกรรมของกรมหลวงรักษรณเรศ
ทางหนึ่ง ก็ทรงให้การยกย่องวชิรญาณภิกขุเป็นอย่างดียิ่ง ครั้งเชิญเสด็จจากวัดสมอรายมาวัดบวรนิเวศนั้น ทรงพระกรุณาโปรดให้ตั้งกระบวนแห่จากวัดสมอรายเยี่ยงกระบวนของกรมพระราชวังบวรสถานมงคล แทนที่จะเป็นกระบวนสำหรับพระราชาคณะ หรือเจ้าฟ้าทั่วไป จนผู้คนต่างพากันลือทั่วเมืองว่านี่เป็นการยกย่องวชิรญาณภิกขุให้เทียบเท่ากรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรืออีกนัยหนึ่งคือการเป็นรัชทายาทนั่นเอง
แต่อีกทางหนึ่ง พระองค์ก็ไม่ต่างจากบิดาทั่วๆ ไปที่ปรารถนาให้สมบัติตกแก่บุตรของตน เวลานั้นทรงมีพระราชโอรสองค์โปรดสองพระองค์ คือพระองค์เจ้าโกเมน และพระองค์เจ้าอรรณพ เป็นที่รู้กันอีกเช่นกันว่ารัชกาลที่ 3 ก็ทรงมีพระราชประสงค์จะมอบราชบัลลังก์แก่พระราชโอรสทั้งสอง
ทว่าพระองค์ก็รู้แน่แก่พระทัยเหมือนกันว่า ขุนนางทั้งหลาย “ไม่เอาด้วย”
มาถึงปี พ.ศ.2394 รัชกาลที่ 3 ทรงพระประชวรหนักใกล้สวรรคต เมื่อพระองค์ทรงทราบแน่ว่าพระองค์จะไม่รอดพระชนม์ชีพจากพระโรคร้ายนี้ได้ จึงทรงมีพระราชดำรัสแก่พระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง) ว่า
“ร่างกายทรุดโทรมถึงเพียงนี้แล้ว หมอเขาว่ายังจะหายอยู่ไม่เห็นด้วยเลย การแผ่นดินไปข้างหน้าไม่เห็นผู้ใดที่จะรักษาแผ่นดินได้ กรมขุนเดชเล่าท่านก็เป็นคนพระกรรณเบา ใครจะพูดอะไรท่านก็เชื่อง่าย ๆ จะเป็นใหญ่โตไปไม่ได้ กรมขุนพิพิธเล่าก็ไม่รู้จักการงาน ปัญญาก็ไม่สอดส่องไปได้ คิดแต่จะเล่นอย่างเดียว ท่านฟ้าน้อยเล่าก็มีสติปัญญารู้วิชชาการช่างและการทหารต่าง ๆ อยู่ แต่ไม่พอใจทำราชการ เกียจคร้านรักแต่การเล่นสนุกเท่านั้น ที่สติปัญญาพอจะรักษาแผ่นดินได้อยู่เห็นแต่ท่านฟ้าใหญ่คนเดียว แต่รังเกียจอยู่ว่าท่านฟ้าใหญ่ถืออย่างมอญ ถ้าเป็นเจ้าแผ่นดินขึ้นก็จะให้พระสงฆ์ห่มผ้าอย่างมอญเสียหมดทั้งแผ่นดินดอกกระมัง กลัวเจ้านายข้าราชการเขาจะไม่ชอบใจ จึงได้อนุญาตให้ ตามใจคนทั้งปวงสุดแท้แต่จะเห็นพร้อมเพรียงกัน”
จากพระราชดำรัสนี้ จะเห็นได้ว่าทรงชี้นำไปยังท่านฟ้าใหญ่ หรือวชิรญาณภิกขุมากที่สุด เป็นตัวเลือกที่เหนือกว่าเจ้านายผู้ใหญ่ผู้ทรงอิทธิพลองค์อื่น ได้แก่ กรมขุนเดชอดิศร (พระองค์เจ้ามั่ง) กรมขุนพิพิธโภคภูเบนทร์ (พระองค์เจ้าพนมวัน) และกรมขุนอิศเรศรังสรรค์ (ท่านฟ้าน้อย เจ้าฟ้าจุฑามณี) ติดอยู่ที่วชิรญาณภิกขุนั้นโปรดจะครองผ้าแบบมอญ คือห่มแหวก รัชกาลที่ 3 เห็นว่าจะเป็นการเสื่อมเกียรติยศแห่งกรุงศรีอยุธยา จึงทรงให้กรมขุนเดชอดิศรไปทูลกรมหมื่นนุชิตชิโนรส แห่งวัดพระเชตุพน เพื่อทรงวินิจฉัยเรื่องการห่มผ้า เมื่อผลการวินิจฉัยออกมาว่าการห่มคลุมแบบพระไทยนั้นถูกต้องแล้ว วชิรญาณภิกขุจึงทรงส่งหนังสือขอสารภาพผิด และจะให้พระธรรมยุตกลับมาห่มคลุมเช่นเดิม รัชกาลที่ 3 จึงทรงสบายพระทัยขึ้น
แต่อีกทางหนึ่ง รัชกาลที่ 3 ก็พระราชทานสายประคำ 108 เม็ดของรัชกาลที่ 1 แก่พระองค์เจ้าอรรณพ อันมีนัยยะถึงการสืบราชสมบัติ แต่ก็ไม่รู้เหตุผลกลใดที่สายประคำที่ว่านี้กลับไม่ถึงพระหัตถ์พระองค์เจ้าอรรณพ เพราะสิ่งที่พระองค์เจ้าอรรณพทรงได้รับมิใช่สายประคำของรัชกาลที่ 1 กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงระบุว่าเป็นเหตุ “หยิบผิดสาย” แต่จะหยิบผิดด้วยความสะเพร่า หรืออย่างไรก็ตาม ก็เป็นลางบอกเหตุว่าราชบัลลังก์จะไม่ตกแก่พระองค์เจ้าอรรณพแน่นอน
เมื่อขุนนางได้รับทราบพระราชประสงค์ของรัชกาลที่ 3 ที่จะให้ขุนนางเลือกสรรผู้เหมาะสมขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน และทรงชี้นำวชิรญาณภิกขุเป็นพิเศษ ก็นับว่าเข้าทางขุนนางโดยเฉพาะกลุ่มบุนนาค ดังนั้นเจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) จึงเริ่มปฏิบัติการ “สึกพระ” ในทันที ด้วยการเดินทางไปยังวัดบวรนิเวศ เพื่อทาบทามวชิรญาณภิกขุให้ทรงรับราชสมบัติ
ก่อนที่วชิรญาณภิกขุจะทรงตอบแก่เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) นั้น ทรงได้พบกับกรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ผู้อนุชา พระอนุชาทรงถามว่า "พี่เถรจะเอาสมบัตติหรือไม่เอา ถ้าเอาก็รีบสึกไปเถอะ ถ้าไม่เอาหม่อมฉันจะได้เอา"
สุดท้าย วชิรญาณภิกขุก็ทรงตอบตกลงแก่เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) ว่าท่านผู้หลักผู้ใหญ่พร้อมใจกันอัญเชิญก็ต้องรับ แต่ก็ยื่นเงื่อนไขไว้ด้วยว่า จะต้องอัญเชิญกรมขุนอิศเรศรังสรรค์ขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์ที่สองด้วย โดยทรงยกเหตุผลทางโหราศาสตร์ว่าพระอนุชานี้มีพระชะตาแข็ง เป็นได้ถึงกษัตริย์ แต่เหตุผลอันแท้จริงนั้นคือกรมขุนอิศเรศรังสรรค์ทรงได้คุมกำลังพลสำคัญในสมัยรัชกาลที่ 3 และทรงมีความรอบรู้ในวิทยาการตะวันตกเหมือนพระองค์ การให้กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ได้ครองราชสมบัติร่วมด้วยจึงน่าจะเป็นการส่งเสริมฐานอำนาจของพระองค์ให้แข็งแกร่ง เพราะเจ้าอาวาสวัดอย่างพระองค์ แถมไม่เคยได้ทรงกรม ก็ไม่น่าจะมีขุมกำลังของพระองค์เองจริงๆ เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) ทราบแล้วจึงไปกราบทูลกรมขุนอิศเรศรังสรรค์ที่พระราชวังเดิมด้วย หลังจากนั้น วัดบวรนิเวศก็เต็มไปด้วยทหารพร้อมอาวุธครบมือเข้าจุกช่องล้อมวงอย่างแข็งขัน
3 เมษายน พ.ศ.2394 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เสด็จสวรรคต หลังจากนั้นวชิรญาณภิกขุก็เสด็จออกจากวัดบวรนิเวศในฐานะเจ้าอาวาสครั้งสุดท้าย เข้าสู่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามเพื่อทรงรับการกราบบังคมทูลเชิญให้ขึ้นเสวยราชสมบัติอย่างเป็นทางการท่ามกลางมหาสมาคม จากเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศจึงกลายเป็นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระเจ้าแผ่นดินสยาม พร้อมกันนี้ กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ พระอนุชาก็ทรงได้เป็นที่กรมพระราชวังบวรสถานมงคล แต่มีพระเกียรติยศสูงกว่า โดยอยู่ในสถานะพระเจ้าแผ่นดินองค์ที่สอง เป็นพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ราชสมบัติได้หวนคืนสู่สมเด็จหน่อพระพุทธเจ้า ผู้เป็นอุภโตสุชาติอันมีชาติกำเนิดประเสริฐดีพระองค์แรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ขุนนางที่มีส่วนในการนี้ก็ย่อมได้รับการปูนบำเหน็จเช่นกัน ทั้งอวยยศ และอวยอำนาจ เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) ได้เป็นสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ สำเร็จราชการทั้งพระราชอาณาจักร ส่วนพระยาศรีพิพัฒนรัตนราชโกษา (ทัต) ได้เป็นสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ สำเร็จราชการทั้งพระนคร นับเป็นจุดเริ่มต้นของยุคที่ขุนนางมีอำนาจสูงสุด
ในช่วงปีแรกๆ ของรัชกาลที่ 4 อำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินจึงตกแก่สมเด็จเจ้าพระยาทั้งสององค์ แต่อำนาจก็ได้กลับคืนสู่รัชกาลที่ 4 อีกครั้ง เมื่อสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ.2398 และสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ.2400 พร้อมๆ กับการสูญเสียการควบคุมเศรษฐกิจจากการเกิดขึ้นของสนธิสัญญาเบาริ่ง เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง) จึงกลายเป็นแกนนำของกลุ่มบุนนาค และเป็นเสาหลักค้ำราชบัลลังก์ของรัชกาลที่ 4 ในขณะที่รัชกาลที่ 4 ก็ทรงเพียร “ปั้น” สมเด็จหน่อพระพุทธเจ้าพระองค์ใหม่ ผู้สืบทอดราชบัลลังก์และเจตนารมณ์ทางการเมืองของพระองค์... “เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์” นั่นเอง
......................................................................
ตั้งใจว่าจะจบในตอนที่ 4 แต่สุดท้ายก็ไม่จบเสียที แถมตอนที่ 4 ที่เขียนไว้แต่เดิมนั้นก็เกิดความผิดพลาด หายวับไปต่อหน้าต่อตาขณะกำลังพิมพ์ จึงมาช้าไปหนึ่งวัน ต้องขออภัยด้วย ณ ที่นี้
************************************
ขอทรงพระเจริญ ทรงสง่ายิ่งเเล้วพระมหากษัตริย์ไทย
ธรรมเนียม พระมหากษัตริย์ ! ในหลวง จะไม่บรรทมหลับข้ามวัน !
ภาพที่คุ้นตาของพสกนิกรชาวไทยทั่วทั้งแผ่นดิน คือ เราจะเห็นพ่อหลวงของแผ่นดิน ทรงงานเพื่อพสกนิกรทุกคน แม้แต่ในเวลากลางคืนพระองค์ก็ทรงงานจนแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อน หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ว่า ธรรมเนียมภายในวังหลวงนั้นคือ พระมหากษัตริย์จะไม่บรรทมหลับข้ามวัน หมายถึง จะไม่บรรทมหลับตั้งแต่ก่อนเที่ยงคืนจนข้ามไปอีกวันหนึ่ง แต่พระองค์จะเข้าบรรทมก็ต่อเมื่อเป็นเวลาหลังเที่ยงคืนไปแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่พระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาล และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ยึดมาเป็นหลักปฏิบัติที่สืบทอดกันมาตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงอธิบายที่มาของธรรมเนียมนี้ไว้ว่า ในเวลากลางคืนนั้นพระเจ้าอยู่หัว จะเปรียบเสมือน "นายยาม" ที่ทำหน้าที่คอยปกปักรักษาระวังภัยให้แก่ราษฎรของพระองค์ เพราะเป็นเวลาที่ราษฎรทั้งหลายพักผ่อนนอนหลับหลังจากประกอบอาชีพมาทั้งวัน หากมีข้าศึกหรือมีภัยร้ายมาในเวลากลางคืน พระองค์ก็จะสามารถจัดการป้องกันภัยให้แก่ราษฎรได้อย่างทันท่วงที
และเมื่อถึงตอนเช้าเหล่าประชาราษฎรตื่นนอนแล้ว พระเจ้าอยู่หัวจึงจะเสด็จฯ เข้าบรรทม จึงเป็นที่มาของการไม่บรรทมหลับข้ามวัน ดังตัวอย่างเจ้านายในพระราชวงศ์จักรี เช่น สมเด็จพระพันปีหลวงก็จะทรงงานจนถึงเช้า เล่ากันว่า รอบๆ ตำหนักที่ประทับวังสวนดุสิต หรือวังพญาไทจะสว่างตลอดทั้งคืน หรือ พระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี ซึ่งดำรงตำแหน่งเลขาส่วนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อถึงเวลา 4 ทุ่ม ก็จะเสด็จขึ้นพระที่นั่งจักรี เพื่อทรงงานพระอักษรถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จนถึงตีสี่ จึงเสด็จฯ กลับ
สำหรับธรรมเนียมนี้ สืบทอดมาจนถึงพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ซึ่งถึงแม้ว่ายุคสมัยปัจจุบันจะไม่มีการทำสงครามและระวังภัยจากข้าศึกแล้ว แต่พระองค์ก็ยังทรงต้องทำตามธรรมเนียม โดยเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ยังมีพระวรกายแข็งแรงอยู่นั้น ก็จะใช้เวลากลางคืนทรงงานด้านแผนที่และชลประทาน รวมไปถึงสรุปผลการทรงงานของโครงการในพระราชดำริในแต่ละวันจนถึงเช้าจึงจะเสด็จเข้าบรรทม แต่หากวันใดต้องเสด็จพระราชดำเนินไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่อในช่วงเช้าในหลวงก็จะบรรทมในรถยนต์พระที่นั่งแทน
อีกหนึ่งพระองค์ คือ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ในรัชกาลที่ 9 ที่มักจะเสด็จทรงงานในเวลาใกล้ค่ำ กลับถึงตำหนักที่ประทับในเวลาดึกแล้วทรงพระอักษรชมรม หรือมูลนิธิที่พระองค์ทรงดูแลต่อจนใกล้รุ่งถึงเข้าบรรทมจนเป็นกิจวัตร และอีกหลายๆ พระองค์
จะเห็นได้ว่าการงานทั้งหลายที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงกระทำนั้น ไม่ใช่การทำเพื่อตัวของพระองค์เอง แต่ทรงทำให้แก่คนไทย ดังที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงตรัสไว้เสมอว่า
"หากเกิดเป็นคนไทย ก็เป็นลูกของเรา" ดังนั้นพระองค์จึงทำหน้าที่ของพ่อที่ต้องดูแลลูกๆ ให้มีความสุข
จาก เพจ ชมรมคนรักพระมหากษัตริย์ของชาติไทย
//เรื่องน่าสนใจ นำไปคิดบริหารราชการ//
ข่าวเรื่องรัฐบาลอนุญาตปลูกกัญชาเพื่อการเเพทย์
กัญชารับท่านทูตเปอร์เซียสมัยอยุธยา
.
ในบันทึกสำเภากษัตริย์สุไลมานนั้นกล่าวถึงการต้อนรับคณะทูตที่เข้าไปในพระราชวัง ทั้งสี้จะพบว่ามีการแปลด้วยกันอยู่สองสำนวน
.
สำนวนแรก
“เมื่อเราเข้าไปในพระราชวัง ก็เห็นมีหมอนอิงเล็กใหญ่ วางเรียงรายไว้ต้อนรับพวกเรา ท่านอิบรอฮีม เบก ได้สูบมอระกู่เงิน เขาอบห้องให้หอมด้วย เมื่อรับประทานกาแฟและน้ำชาแล้ว ก็ถึงเวลารับประทานอาหาร”
.
สำนวนที่สอง
“เมื่อพวกเราเข้าไปในพระราชวัง ก็เห็นว่ามีหมอนฟูกใหญ่น้อยตั้งเรียงรายอยู่ เราทั้งหมดจึงนั่งลงและได้ดื่มน้ำจากคนโทติดท่อทำด้วยทอง ซึ่งได้นำมาจากห้องเก็บของของพระเจ้าแผ่นดินเอง ใส่ไว้ในถาดทองคำ มีกระโถนสำหรับบ้วนน้ำลาย ฝาปิดและคีมคู่หนึ่ง คนอื่นในคณะราชทูตได้เครื่องรองอาหารที่ทำด้วยเงิน บนโต๊ะกลางมีเตาเผาไม้ ขวดน้ำอบ และถุงอัชชิช (กัญชา) รวมทั้งน้ำดื่มโรยกุหลาบหลายขวด หลังจากพวกเราดื่มชา กาแฟแล้วคนใช้ก็นำอาหารมาตั้ง”
.
จะเห็นว่าสำนวนที่สองมีการขยายความรายละเอียดมากกว่า บรรยายมากกว่าถึง การนำมอระกู่ออกนำให้สูบ มีการจัดฐานะศักดิ์ของทูต ด้วยมีการใช้ทอง และ เงิน เป็นตัวกำหนดฐานะศักดิ์ และมีถุงกัญชา ? ไว้เพื่อ ? (บรรเทาความเหนื่อยล้า ?)
.
ที่มา สำเภากษัตริย์สุไลมาน
************************************
พรรคพลังไทยรักไทยขอสนับสนุน พลเอก.ธรรมรักษ์อิศรางกรู ณ.อยุธยา (อดีตรองนายกและรมว.กลาโหล)เป็นนายกรัฐมนตรีของชาติไทยคนต่อไป
เขียนหนังสือถึงเสธฯ ทุกวันเลยครับทุกวิชา
ทุกstatus. การเมืองในโรงเรียน กยศ.ด้วยครับท่าน อิอิอิที่นี่มีรร 12แห่ง เทศบาลนครขอนแก่น ครูบ้านหนองซอน หนองมันปลา เชียงยืน ครับท่าน
************************************
ช่วงนี้ผมไม่มีบ้านอยู่อีกครั้งหนึ่งแล้วเป็นครั้งที่ 2 ผมไม่ค่อยสบายผมป่วยมาก ทุกวันผมนั่งคิดแต่เพื่อนที่สอนดนตรีผมนั่งคิดแต่ท่านสส สุวิทย์ คุณกิตติ
ผมนั่งคิดถึง ใบรับรองแพทย์ ผมจะทำหน้าที่ของผมใน Facebook ของผมต่อไปแต่ผมรู้ว่าคราวนี้บริษัท Facebook ป่วนประสาทเราแน่นอน
กำลังดูเเลตนเองครับ
โรคลมรองช้ำ(เอ็นฝ่าเท้าอักเสบ)
รองชํ้า(เอ็นฝ่าเท้าอักเสบ) อาการแสดงมักปรากฏรอบๆซ้นเท้า พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยมากจะมีสาเหตุมาจากความผิดปรกติภายในมดลูกและกระเพาะปัสสาวะในเพศหญิงที่มักกั้นฉี่บ่อยๆ ในเพศชายจะพบเกี่ยวข้องกับต่อมลูกหมาก ซึ่งมีสาเหตุจากการที่มีลิ่มเลือดมาเกาะตัวอยู่ภายในอุ้งเชิงกรานโดยเฉพาะ รอบๆขาหนีบทั้งสองข้าง แล้วมีแคลเซียมมาเกาะที่ลิ่มเลือดอีกที ถ้าร่างกายไม่สามารถขับออกมาก็จะทำให้เกิดภาวะอักเสบจนกระทั่งติดเชื้อได้ แผนไทยจะเรียกว่าโรคกล่อนนํ้าและกล่อนเส้น เมื่อมีอาการจะลงมาแสดงออกที่รอบๆซ้นเท้า ซึ่งเป็นจุดสะท้อนของช่องท้องคือมดลูกและกระเพาะปัสสาวะและต่อมลูกหมาก โดยมากอาการแสดงจะปรากฏในช่วงเช้าเมื่อลุกจากที่นอน ยืนยํ่าเท้าจะปวดจนสะดุ้งต้องนั่งลง คนโบราณมักให้ใช้อัฐิแดงเผาไฟแล้วเอาใบพลับพลึงพันอัฐิแดง แล้วเอาเท้าเหยียบจนกว่าจะหาย เพื่อให้กล้ามเนื้อปัตตะคาดน้อยที่เกาะอยู่ระหว่างกระดูกซ้นเท้ากับกระดูก กลางเท้าคลายตัว ก็จะหายปวด การนวดแก้อาการอาจารย์หลายท่านก็ได้แสดงให้ดูมากมายแล้วแต่ประสบการณ์นวดของ แต่ละท่าน ก็ให้พิจารณาลองใช้ดูเผื่อจะบรรเทาเจ็บปวดได้บ้าง
วิธีการนวด
นวดท่านอนหงาย
1.นวดแนวขาด้านนอก จุดนาคบาท แนวขา 3 เส้น
2.นวดแนวต้นขาด้านนอก
3.นวดแนวขาด้านใน
4.นวดแนวต้นขาด้านใน
5.กดจุดที่ 1 ชิดกระดูกหัวหน่าว(จุดลมอโธคมาวาตา)
6.กดจุดที่ 2 ชิดขาหนีบขาด้านใน
7.กดจุดที่ 3 กึ่งกลางกระดูกสันหน้าแข้งด้านใน
8. กดจุดที่ 4 จุดใต้ตาตุ่ม (กดนับ 20 /3 ครั้ง)
นวดท่านอนตะแคง
9.กดจุดที่ 5 จุดรอยรักยิ้มแก้มก้น (สลักเพชร)
10.กดจุดที่ 6 จุดใต้ก้นนั่ง
11. กดจุดที่ 7 กึ่งกลางน่อง
กลับมาท่านอนหงาย(หงายฝ่าเท้าวางเหนือหัวเข่า)
12.กดนวดจุดชิดซ้นเท้าด้านใน(5-7 ครั้ง)
13.กดนวดปลายซ้นเท้า(5-7 ครั้ง)
เสร็จแล้วให้ทดสอบการเดินเพื่อเช็ดอาการที่ซ้นเท้า
เสา เเละ ชั้นบน ยังไมได้เลย อยากให้
ญาติมานอนเล่นด้วยค่อยกลับ
🚩เสาโบกปูนอีกหน่อย ส่วน
🚩กำเเพงใส่คอนกรีตเเผ่นเเทนอิฐมวลเบา 🚩สังเกตุว่าไม้ขอบหลังคาต้องหามาด้วย
ตัวอย่างอีกเรื่อง
ต้องการสีนี้
🚩ตกแต่งมีขอบเเละทาสีส้ม จากภาพด้านซ้ายยังไม่ได้เลยครับ
เมื่อวานนี้มีคนเรียกชื่อปู่ ที่ตายไปแล้วราวกับว่า เวลาตี 2 จะมีคนตื่นมาฟังคำพูด คําพูดเรียกชื่อนี้ มากกว่า 3 เดือนแล้วครับผมคาดว่า ถ้าผมที่ขอนแก่นจะเอากระดูกไปลอยอังคาร เรียบร้อยแล้ว หรือไม่ก็มาฝากไว้ที่บ้านผม แล้วให้ญาติๆที่ขอนแก่น ย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้านผมก็มีสิทธิ์เลือกตั้ง เห็นบอกว่าหลานสาวผมป้องศีลธรรม แล้วก็บอกว่า ลูกชายของป้าผมที่บ้านหนองมันปลาเป็นคนวางแผนพาผมไปหาหมอ แล้วผลคดีสุดท้ายก็ถูกเขาล้มคดีสำเร็จ กลายเป็นคนชั่วชาทำกับพ่อกับแม่ของตนเอง ผมไม่ได้เป็นคนอกตัญญูอย่างที่กล่าวหาอย่างแน่นอนครับ
เรื่องบ้านสองชั้นผมก็คิดว่าเป็นการดีครับเพราะว่าทุกวันนี้โทรทัศน์ก็เป็น จอแอลอีดีซึ่ง เราก็ต้องดูโทรทัศน์นานขึ้นมากกว่า 4 ชั่วโมงเครื่องต้องร้อนแน่นอนสภาพอากาศที่บ้านหนองมันปลานั้น 38 องศาเซลเซียสแต่อุณหภูมิภายนอกนั้น 48-49 องศา ผมคิดว่าเครื่องไฟฟ้า ที่ แค่เพียง ผงแม่เหล็กไฟฟ้าคงจะทนร้อนได้ไม่นานเท่าไรตอนนี้โทรทัศน์ของผมเนี่ยก็ พังไป 3 เครื่องแล้วครับผมบอกได้เลยว่านานกว่าจะซื้อใหม่ถ้าเรามีบ้าน 2 ชั้นบ้านเราก็จะเย็นขึ้นนะครับ แต่ตอนนี้ยังตกลงงานกับช่างไม่ผ่านเพราะว่าเรื่องเงินวัสดุก่อสร้างน้องและนานาที่กำลังทำงานอยู่นี้
ทุกคนยินดีจะช่วยผมอยู่นะครับ
แล้วก็ประกาศเลยนะครับว่าใครดูโพสต์นี้ของผมแล้วอยากมาช่วยงานก่อสร้างในระยะเดือนสองเดือนนี้นะครับเชิญเลยนะครับผมยินดีนั่งรออยู่ตรงนี้แหละ
ผมรู้ว่าในรัศมี 50 เมตรรอบบ้านมีอันตรายใครก็ตามครับพี่กำลังล้อเลียน facebook ผมรู้จักใครตอนนี้ แล้วสั่งให้ผมจัดฉากจัดห้องให้เป็นแบบนี้นะครับเอาเงินมาแล้วก็ไปแจ้งความไล่มันออกอย่าให้ผมต้องเดือดร้อนรำคาญทุกวันแล้วก็มาเลยนะครับมานั่งที่นี่เลยถ้ามันเสร็จจริงๆมึงต้องการอะไรรูปยังไงโลเคชั่นอย่างไรจัดมุมจะเสียยังไงบอกเลยนะครับ
เรื่องวงกบหน้าต่างเเละสีบ้าน
ผมคำนวณดูแล้วครับใช้คอนกรีตแผ่น 50 แผ่น สำหรับขึ้นชั้น 2 เราจะต้องใช้ wimax หรือเหล็กเส้นเป็นหมื่นบาทผมคิดว่าแม่ผมคงไม่มีงบประมาณพอแต่ว่าเราน่าจะหาสถาบันการเงินกู้ต่อนะครับมันแพงเกินไป ผมก็อยากจะได้แบบนี้ครับง่ายๆดีอยู่เย็นๆอยู่เงียบๆสบายๆ
เนื้อหางานตามเเบบสมบรูณ์
ก่อสร้างชั้น 1 เดิมปี 2556 เดือนเมษายน เราซื้อวัสดุก่อสร้างจากร้านชัยมงคลค้าไม้ เป็นเงิน 8,030 บาท
แล้วก็เป็นค่าสังกะสีและห้องครัว อีก 3, 853 บาท
ร้านชัยมงคลค้าไม้ 33 หมู่ 4 บ้านขามเปี้ยปากทางเข้าบ้านหนองมันปลาถนนขอนแก่น- เชียงยืนอำเภอเชียงยืนจังหวัดมหาสารคามโทร 043 988 192 และโทร 043 988 199 จำหน่าย อิฐ หิน ปูน ทราย วัสดุก่อสร้างทุกชนิด
แล้วปัจจุบันนี้วันที่ 11 พฤศจิกายน 61 แล้วก็สั่งกำแพงบ้านโดยซื้ออิฐบล็อก 200 ก้อนแล้วก็ปูนซีเมนต์ตรานกอินทรีย์ 10 ถุงเป็นเงิน 2220 บาท
น้าหมูครับเป็นพนักงานขายสินค้าของร้านอีฮงค้าเหล็กมหาสารคาม เอาวงกบหน้าต่าง 2 บาทราคา 4,000 บาทมาขายผมคิดว่าหลังจากผู้ว่ามหาสารคามและนายอำเภอเชียงยืนท่าน ถูกมาตรา 44 ลงโทษทุจริตนะครับก็บรรดาลูกบ้านกำนันผู้ใหญ่บ้านก็คิดว่าจะมีเพื่อนเปรียบเทียบเรือนจำนะครับอันตรายมากผมบอกเลยนะครับว่าความซวยรังแกชาวบ้านมันก็เดือดร้อนไปถึงศาลากลางนั่นแหละครับบางครั้งความดีมันก็ไม่พอคุ้มกะลาหัว
สรุปว่าอาละวาดท่านแหกปากทั้งวี่ทั้งวันทั้งกลางวันกลางคืนทั้งหญิงทั้งชายทั้งเฒ่าทั้งแก่ รอบๆ อาณาบริเวณรอบบ้านประมาณครึ่งกิโลเมตรก็สรุปว่าน้าอ้อยเศษโมกับพ่อใหญ่พลกำลังสร้างกำแพงระดับ Project ส่วนราชการทำให้เราต้องคอยสร้างกำแพงไปด้วยระดับโปรเจคส่วนราชการเปรียบเทียบนะครับทั้งๆที่คุณสมบัติอย่างนั้นอย่างนี้นะครับ ทำให้ผม ด่วนเลยนะครับผมกำลังถูกตะคอกเป็นบ้าใบเสร็จสั่งจ่ายเงินนะครับ ความจริงเรา ค่อยๆทำค่อยๆสร้างไปเรื่อยๆก็ได้ครับไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับพวกข้าราชการ ครูในโรงเรียน หยุดเลยนะครับอย่ามาตะคอกสั่งงานบ้านสั่งก่อสร้างในบ้านผมนะครับหยุดเลยผมไม่ได้เป็นบ้าใบเสร็จ น้าหมูนะครับ
ที่หนองมันปลา ก็มีลูกจ้างในชัยมงคลค้าไม้เป็นประชากรในหมู่บ้านอยู่สองคนคงจะช่วยเพิ่มยอดการขายครับแต่ผมบอกตรงๆเลยว่าเพิ่มนักเลงมากกว่านี้ล่ะครับตอนนี้ผมอัพให้ดูแล้วนะครับว่าญาติยังมีชีวิตอยู่ตามนี้นะครับบ้านผมเนี่ยมาได้อยู่นะครับอาศัยได้พักผ่อนได้นะครับอย่างนี้นะครับดูเลยนะครับ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1562 ผู้ใดจะฟ้องร้องบุพการีของตนเป็นคดีแพ่งคดีอาญามีได้แต่เมื่อผู้นั้นหรือญาติสนิทของผู้นั้นร้องขออัยการจะยกขึ้นว่ากล่าวได้
๑.ร้องทุกข์เสียหายเป็นผู้กล่าวหากล่าวโทษผู้อื่นที่มิใช่ ผู้เสียหายก็ได้ ผู้มีเจตนา มีเสียเลยก็ได้
๒. ร้องทุกข์อาญาและส่วนตัวกล่าวโทษอาญาแผ่นดิน
๓. เจตนาร้องทุกข์เจตนาทำให้ผู้ถูกกล่าวโทษได้รับโทษ
๔. มีกำหนดเวลาภายในอายุความร้องทุกข์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 หรือพระองค์ต่อไปจากนี้ท่านก็เหมือนบิดามารดา ก็หมายความว่าบุคคลจะฟ้องบุพการีตนเองไม่ได้
มาตรา 9 หมวดพระมหากษัตริย์
องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆมิได้
สาบานมั้ยว่าทำจริงหรือไม่จริง (มีเเผนทำร้ายเช่นเดิม ท่าน)
ถ้าไม่ใช่ผู้ว่าอย่าแจกลายเซ็น ก็เป็นกำนันผู้ใหญ่บ้าน หรือข้อสัญญากู้เงินจากธนาคารหรือกองทุนต่างๆ ถ้าไม่ใช่ก็แสดงว่าญาติอยากจะเป็นอสม ถ้าไม่ใช่ทั้งหมดแสดงว่าอาจารย์หลอกลูกศิษย์ขายตัวล่วงหน้า c5 เป็นหนี้
ปัญหาที่สั่งสมมานานตลอดระยะเวลา 2540 จนถึง 2560 มันก็คือปัญหาหมู่บ้านปัญหาล้อเลียนเอาเงินราชการกู้เงินราชการแข่งขันสมัครเลือกรับเลือกตั้ง เป็นผู้แทนในท้องถิ่น ไม่มีวันแก้ไขได้ก็เป็นกรรมเก่าที่ผมก็ต้องกลับมาถูกพวกมันหรอกตำรวจจับอีกครั้งหนึ่งแต่ยังดีที่ตำรวจเขาไม่จับเขาให้ญาติพิจารณาจะปรากฏว่าเขาโทรศัพท์ไปพูดกระทบเปรียบเทียบผู้บังคับบัญชาของแม่ผมเลยได้รับความทุกข์มากมายมหาศาลถึงทุกวันนี้จากที่ผมเข้าไปตรวจสอบใน Facebook ตรวจสอบในไลน์ตรวจสอบจากเบอร์โทรศัพท์ หูเบาทำให้ผมต้องเดือดร้อน, เรื่องได้ยินร่ำลือกันทั้งศาลากลางงานเทศกาลไหมแล้วก็ตำรวจกองเมืองพวกนั้นทำให้อาของผมและหลานของผมตายพร้อมกันและป้าผมก็เพิ่งตายมาได้ 6 เดือนแล้ว รูปข้างล่างนี้เป็นรูปหลานสาวของผมครับเขาหลอกทะเลาะเบาะแว้งเรื่องใหญ่เท่าที่มีลายตกกระเป็นด่างเป็นดำเป็นผู้แทนในท้องถิ่นห้ามทำอาหารพูดถึงต้นฝรั่งต้นหมากสีดาล้อเลียนนามสกุลหลานผมไม่นานก็มั่วสุมว่าถูกข่มขืนทำให้ผมต้องออกไปทะเลาะแต่ไม่ได้มีเรื่องถึงขั้นทำร้ายร่างกาย ออกมาช่วงใช้ซุ่มด่าเราอยู่ตามหัวไร่ปลายนาตามปลายสายโทรศัพท์ทำให้ได้รับความเดือดร้อนบางครั้งสมองเสื่อมนอนก็ไม่ได้อ่านหนังสือก็ไม่ได้ พอเข้าขั้นสมองเสื่อมมันก็ทำเป็นหลอกโทรทัศน์แทนเรา
ผมยอมรับเลยว่าจะต้องจับเอาศักดิ์ศรีนามสกุลกลับคืนมาก่อนเมื่อปี 46 ในที่สุดปี 53 54 ผมก็ทำได้ผมสู้คดีมาตั้งหลายปีกว่าจะชนะพวกนี้ก็กลายเป็นผู้ต้องหาไปในที่สุด
การที่จะออกโทรทัศน์หรือให้โทรทัศน์จัดรายการขอโทษเรานั้นเราจะต้องไม่ทุจริตหุ้นของตระกูลชินวัตรไม่ทุจริตหลอกผู้บริหารช่อง 3 ไปรับเคราะห์ทางการเมือง จึงจะเชื่อได้ว่าศาลากลางจังหวัดขอนแก่นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของขุนภักดี
อีกอย่างหนึ่งต้องเชื่อได้ว่าญาติพี่น้องของนายนิพนธ์จะต้องไม่ไปทุจริตครูบาอาจารย์เข้าเรียนมหาวิทยาลัยจนทำให้เพื่อนๆกูหรือญาติของครูเราพลอยรับกรรมการเมืองไปด้วย แจ้งหลานตกเป็นผู้ต้องหาเมื่อเวลาส่งงานหรือนายกเทศมนตรีถวายเงินก็เป็นเรื่องออกโทรทัศน์ เพราะว่าเจ้านายทุกพระองค์ก็จะเสด็จมาจังหวัดขอนแก่นอยู่ทุกปีและอยู่เป็นประจำเรื่องราวเกี่ยวกับโทรทัศน์ในกรุงเทพที่ศาลากลางเมืองขอนแก่นเสนอไปนั้นก็เกี่ยวพันกันทั้งสิ้นเมื่อปี 2548 ถึง 2552 เหตุการณ์ก็สงบลงในสมัยของรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์จุลานนท์แต่ว่าพอลับหลังเหตุการณ์เหล่านั้นพวกเรายังได้รับข้อความประเภทนี้อยู่
ผมก็ วิธีการเดิมๆมั่วสุมเดิมๆข่าวสารเดิมๆทำให้เป็นคนขาดความรับผิดชอบไม่ทำเพื่อวันข้างหน้า แล้วก็ตกเป็นที่น่าเบื่อน่ารำคาญพ่อนักการเมืองคอยทำร้ายคอยจับผิดอยู่ในบ้านแทบทุกวันทุกคืนที่ผ่านไปเพราะว่าร้านคอมพิวเตอร์ทำให้ผมต้องเป็นบ้ารับฟังข้อมูลตัวเองตั้งแต่เช้าจนสว่างเหตุการณ์เหล่านี้ ทำให้ผมต้องนอนทุกข์ร้อนใจอยู่ทุกวันทุกคืนไม่ต่ำกว่า 9 ปีแล้วผมไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงดีแต่ว่าใครก็ตามในหมู่บ้านอย่ามาคิดมาสั่งการผมแน่จริงก็ไปออกโทรทัศน์เองแล้วถูกฆ่าแทนผมไปอย่ามาหาเรื่องสั่งสอนคอมพิวเตอร์ไม่รู้จักกาละเทศะผมเป็นห่วงที่สุดก็คือคนข้างล่างในรูปทุกๆคนนะครับ
ความจริงก็ทำไปก่อนเพื่อสิทธิทางการเมืองแล้วก็ ให้ญาติพี่น้องมาพักอาศัย ไปสอบแข่งขันราชการกับคนอื่นไม่อยากให้มาเสียฟอร์มเสียศักดิ์ศรีที่หนองมันปลาถ้าจะนอนพักผ่อนก็ต้องมีวินัยรู้จักเกรงใจเจ้าของบ้านไม่ใช่ว่า รู้จักแต่ลูกระเบิดใต้ดินหรือว่าทำให้เครื่อง Generator มีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นอันตรายต่อคนอื่นไม่มีสักสีตามจุดสำคัญของร่างกายเหล่านี้นะครับถือว่าใช้ไม่ได้แม้จะเอาไปลงโทษเขาก็หลอกลวงว่านิพนธ์เป็นคนพูดยากสอนยากเป็นตัวสร้างความไม่เรียบร้อยในหมู่บ้านแล้วสุดท้ายผมก็รับกรรมแจ้งความแล้วก็สุดท้ายที่สุดเลยก็ไม่มีคนคบหาสมาคมด้วยถือว่าเลวมากนะครับการที่จะสร้างบ้านเราต้องพิจารณาอยู่จุดนี้เป็นสำคัญ
ตกตอนบ่ายถึงค่ำ
บรรยายกาศต้องใช้หลอดไฟ LED สีเขียวสีเเดง สีส้มเหลือง ราวๆนี้ คงต้องหาอีก
การตกแต่งนอกจากไฟฟ้า.. น่าจะเปิด61สิงโตจีน
การขอบุตรจากทวยเทพในเทศกาลหง่วงเซียว วิถีชีวิตและความเชื่อของผู้คนที่ต้องการมีทายาทสืบสกุล
ร้านกระดาษไหว้เจ้ามหาเศรษฐี 拜神纸品
วัฒนธรรมจีนโบราณ ทายาทสืบสกุลเป็นเรื่องที่ชาวจีนให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ในยุคที่การแพทย์ยังไม่พัฒนานั้นปัญหาการไม่มีบุตรหรือการมีบุตรยาก ถือเป็นปัญหาสำคัญ ความต้องการมีทายาทสืบสกุลก็คงไม่พ้นการวิงวอนร้องขอจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ในยุคปัจจุบันวิทยาการทางการแพทย์มีการพัฒนาก้าวหน้าไปอย่างมาก แต่ก็ยังมีผู้คนที่มีปัญหาการมีบุตรยากอยู่จำนวนมาก การวิงวอนร้องขอบนบานศาลกล่าว ตามวิธีการในสมัยโบราณก็ยังมีการปฏิบัติสืบต่อกันมา เพื่อความสบายใจและเป็นกำลังใจที่ดี สภาพจิตใจที่ดีย่อมทำให้ทุกอย่างประสบผลสำเร็จได้ในส่วนหนึ่ง
ในวัฒนธรรมจีนสิงโตถือได้เป็นสัตว์มงคล มีพลังพิเศษสามารถป้องกันสิ่งอัปมงคลได้ และมีความหมายมงคลอีกหลายประการ หนึ่งในนั้นคือ การมีทายาทสืบสกุล (狮子象征着子嗣的昌盛繁衍,代表子孙绵长。)
ในเทศกาลหง่วงเซียว ชาวจีนแต้จิ๋วนิยมไปกราบไหว้เทพเจ้าเพื่อขอทายาทสืบสกุลตามศาลต่างๆ โดยจะไปบูชาสิงโตน้ำตาล หรือสิงโตถั่วจาก ศาลเจ้าที่ตนเคารพนับถือกลับมาที่บ้านของตน เพื่อเป็นเคล็ดให้มีทายาทสืบสกุล เคล็ดลับในพิธีกรรมนี้คือ เมื่อมีทายาทสมดังปรารถนาแล้ว จะต้องนำสิงโตมาถวายเป็นสองเท่าของจำนวนที่ตอนบูชาไป หรือตามแต่จำนวนที่ได้บนบานศาลกล่าวไว้
**ในสมัยก่อนจะมีการขโมยสิงโตหง่วงเซียวกลับไปบูชาที่บ้าน บ้างก็นำกลับไปตัวเดียว บ้างก็นำกลับไปสองตัว ที่เรียกว่าขโมยนี้จะเรียกว่าเชิญกลับไปเงียบๆก็ได้ ถือว่าเป็นที่รู้กันว่าในเทศกาลนี้ใครที่อยากได้ทายาทสืบสกุลก็เชิญสิงโตมงคลกลับไป แต่เมื่อสมหวังแล้วต้องนำกลับมาคืนเป็น 2 เท่าของที่นำกลับไป แต่ในปัจจุบันจะเป็นการประมูลจากศาลเจ้ากลับไป เมือสมหวังแล้วจึงนำกลับมาถวายเป็นสองเท่าจากของเดิม
************************************
พระคุณของเราเอง
ผลบุญส่งเสริมแน่ ล้างเท้าขอขมา พ่อ-แม่ เพื่อความสิริมงคล ทำแล้วชีวิตดีขึ้นทันตา
บางทีเราอาจะล่วงเกินพ่อแม่ โดยไม่รู้ตัว หรือแม้กระทั่งทำให้พ่อแม่เป็นทุกข์เสียใจ ร้องไห้ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นการสร้างกรรมหนัก ทำให้ชีวิตจะไม่เจริญ ทำอะไรก็มักจะติดๆขัด ไม่ประสบความสำเร็จ และสำหรับท่านใดที่ได้เคยกระทำการดังกล่าววันนี้ เส้นทางความรู้ มีวิธีขอขมาพ่อแม่ มากฝากกัน หลวงพ่อจรัญท่านได้ แนะนำวิธิขอขมาพ่อแม่ไว้ ไม่ต้องรอวันเกิด
สิ่งที่ต้องเตรียม
1. พานธูปเทียนแพ และพวงมาลัย ที่มีดอกมะลิ ในพวงมาลัย 1 พวง
2. ซองใส่ปัจจัยให้พ่อแม่เ ถือเป็นการซื้อชีวิตใหม่จากบุพการี
3. ชุดใหม่ให้พ่อแม่ นิยมเป็นชุดนอน และอาหารที่ท่านโปรด
4. กะลังมังใบใหม่ใส่น้ำอุ่น น้ำลอยดอกมะลิ หรืออาจจะเป็นน้ำใส่น้ำอบให้หอม ๆ
5. ผ้าเช็ดมือ เช็ดเท้าผืนใหม่
6. ผ้าขาวดิบ
7. ถาดใส่ของ (วางทับด้วยผ้าขาวดิบ)
ขั้นตอนประกอบพิธีล้างเท้าขอขมาพ่อแม่
1. ก่อนทำพิธีให้อธิษฐานจิตบอกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ดังนี้ องค์พระพุทธเจ้า ลูกชื่อ….วันนี้ลูกตั้งใจจะขอขมา ขอโอสิกรรมจาก คุณพ่อคุณ แม่ ขอองค์พระพุทธจงบันดาลให้ลูกทำสิ่งนี้สำเร็จเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์ด้วยเทอญ แม่สื้อ เทพยดาทั้งหลาย เจ้าที่เจ้าทาง พระแม่ทรณี พระแม่คง พระแม่พระพาย พระแม่พระเพลิง วันนี้ เวลานี้ ลูกชื่อ….ได้ตั้งใจที่จะทำพิธีขอขมา ขออโหสิกรรมจาก คุณพ่อ คุณแม่ ขอจงเป็นพยานให้ลูกด้วยเทอญ
2. ให้พ่อกับแม่นั่งบนเก้าอี้หรือโซฟา เรานั่งกับพื้น
3. ยกเท้าท่านมาล้างในกะละมังน้ำอุ่นที่เตรียมไว้ เวลานั้นอยากพูดอะไรก็พูด เช่น พ่อคะ/แม่คะ สิ่งต่างๆ ในชีวิตลูกทั้งในอดีตที่ผ่านมาและในอนาคต ทั้งกายก็ดี วาจาก็ดี ใจก็ดี ที่ลูกได้กระทำล่วงเกิน หรือทำให้พ่อ/แม่ไม่สบายใจ ลูกกราบขออโหสิกรรมในสิ่งเหล่านั้นด้วยนะคะ (อยากพูดไรอีกก็พูด อาจจะมีน้ำตาไรบ้าง ขนลุกบ้าง) *ล้างพ่อ/แม่พร้อมๆ กันก็ได้
4. หลังจากที่เราล้างไป พูดไป จนเสร็จ ก็นำเท้าท่านมาวางบนขาเรา ซึ่งมีผ้าเช็ดเท้ารองอยู่ เช็ดเท้าท่านให้แห้ง
5. อย่าเพิ่งให้เท่าท่านถูกพื้น ให้วางไว้บนขาเราก่อน และอธิฐานจิตพร้อมพูดบอกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ อีกครั้งว่า..พระแม่ทรณีเจ้าขา พระแม่คงคาเจ้าขา พระแม่พระพายเจ้าขา พระแม่พระเพลิงเจ้าขา ลูกมาขอกราบขมาลาโทษ ขอเป็นทิพยญาณ นำความดีและกุศลผลบุญที่ลูกทำในครั้งนี้ ไปบอกปู่ยมราช และนายนิติยบาลให้ด้วย ให้ช่วยจดบันทึกคุณงามความดีครั้งนี้ ที่ผ่านมา ลูกจะเป็นยังไงก็แล้วแต่ ลูกขอรับใช้กรรม แต่หลังจากนี้ไป ลูกกราบขอชีวิตใหม่จากบุพการี
6. จากนั้นให้เราก้มหมอบลง และนำเท้าท่านมาวางบนหัวเรา
7. ให้มอบพานธูปเทียนแพกับท่าน แล้วพูดว่า พ่อคะ/แม่คะ ลูกขอขมา ขออโหสิกรรม ขอชีวิตใหม่ที่ดีให้ลูกด้วยนะคะ (ท่านก็จะพูดให้ศีลให้พร ให้ชีวิตใหม่กับเรา)
8. สุดท้าย ให้อธิษฐานจิตอีกครั้งถึงพระพุทธเจ้า ลูกชื่อ…ขออนุโมธนาบุญ จากพระพุทธเจ้า ให้สำเร็จบุญนี้ให้ลูกด้วย ลูกขอนำกุศลบุญส่วนหนึ่ง อุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวร ที่ติดตามลูกมาแต่อดีตชาติจนปัจจุบัน ให้รับกุศลของลูก ณ บัดนี้ เดี๋ยวนี้
-ขอขอบคุณ
เรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงเเล้ว.. มานาน
หนองมันปลา
วันนี้ในอดีต
15 กุมภาพันธ์ 2447-15 กุมภาพันธ์ 2562
จากโรงพยาบาลกาฬโรค สู่ 115 ปี โรงพยาบาลตากสิน
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เกิดการระบาดของกาฬโรค พระองค์จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งโรงพยาบาลสำหรับรักษาพยาบาลผู้ป่วยกาฬโรคที่ตำบลคลองสาน บนที่ดิน 7 ไร่ 74 ตารางวา เมื่อวันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ 2447 เรียกว่าโรงพยาบาลกาฬโรคสมัยต่อมาได้รับการรักษาผู้ป่วยโรคระบาด ได้แก่ อหิวาตกโรคและไข้ทรพิษ แรกสังกัดกรมนคราธรหรือกรมสุขาภิบาล กระทรวงนครบาล ต่อมารัฐบาลได้จัดให้มีการปกครองในระบบเทศบาล
จนเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2480 ได้โอนไปขึ้นกับเทศบาลนครกรุงเทพ ใช้ชื่อว่า โรงพยาบาลเทศบาลและได้ปรับปรุงโรงพยาบาลโรคติดต่อนี้ขึ้นเป็นสถานพยาบาลพักฟื้นสำหรับผู้ป่วยของโรงพยาบาลกลาง และวชิรพยาบาลก่อน คนทั่วไปเรียกขานว่า “โรงพยาบาลพักฟื้น” ต่อมาปี พ.ศ. 2515 ทางราชการได้ประกาศจัดตั้งเทศบาลนครหลวงขึ้น โดยรวมเทศบาลนครกรุงเทพและเทศบาลนครธนบุรีเข้าด้วยกันโรงพยาบาลตากสินพัก ฟื้นจึงเปลี่ยนชื่อเป็น “โรงพยาบาลเทศบาลนครหลวง” สำหรับรักษาโรคทั่วไป และมีการปรับปรุงเปลี่ยนเป็นกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2515 ชื่อของโรงพยาบาลจึงเปลี่ยนเป็น “โรงพยาบาลกรุงเทพมหานคร”
ต่อมาเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2516 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงพระราชทานนาม “โรงพยาบาลตากสิน” เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชผู้ทรงสถาปนากรุงธนบุรีโดยเป็นนามโรงพยาบาลที่ใช้สืบมาจนถึงปัจจุบัน
Cr.ข้อมูลบางส่วนจาก wikipedia
คนเกิดมาในโลกมี 3 อย่างก็น่าจะมีความสุข และเป็นที่ยอมรับในสังคมแล้ว คือ
1. มีทรัพย์
2. มียศ หรือความเป็นใหญ่
3. มีครอบครัวที่อบอุ่น
สำหรับครอบครัวที่อบอุ่น ตอนที่แต่งงานใหม่ๆ คู่สามี ภรรยาก็วาดฝันไว้สวยหรู ที่เป็นไปตามที่ฝันไว้ มีครอบครัวที่อบอุ่นก็มี ที่ไม่เป็นไปตามที่ฝันไว้ สุดท้ายครอบครัวต้องแตกแยก ต่างคนต่างไปคนละทิศ คนละทางก็มี
คุณครูไม่ใหญ่ เคยตอบคำถามเรื่องนี้ไว้ในโรงเรียนอนุบาลฝันฝนฝันวิทยา ถ่ายทอดทาง DMC เกี่ยวกับตัวอย่างกรรมที่ทำให้ได้ครอบครับอบอุ่น หรือแตกแยกเอาไว้ว่า
ครอบครัวอบอุ่น เช่น ได้พ่อแม่ดี ได้ลูกดี ได้สามีภรรยาดี เพราะในอดีตชาติ เคยเกื้อกูลกันมา เคยทำบุญในพระพุทธศาสนา ด้วยความเคารพร่วมกันมา และอธิษฐานให้มาเป็นพ่อแม่ & ลูก สามี & ภรรยา มีบุญเลี้ยงดูพ่อแม่มาอย่างดี มีความกตัญญู กตเวที เชื่อฟังพ่อแม่ ปรนนิบัติสามี และเลี้ยงลูกมาอย่างดี เป็นต้น
ครอบครัวแตกแยก เพราะในอดีตชาติ เจ้าชู้ ไม่รับผิดชอบครอบครัว ขาดบุญสงเคราะห์ญาติ ทำครอบครัวอื่นให้แตกแยก อธิษฐานไม่ล้อมกรอบ และไม่เคารพในการทำทาน เป็นต้น
สรุปว่า ถ้าอยากได้ครอบครัวที่อบอุ่น
1. อย่าเจ้าชู้
2. อย่าไปทำให้ครอบครัวคนอื่นแตกแยก
3. ปรนนิบัติดูแลพ่อ&แม่ สามี & ภรรยา ลูกเป็นอย่างดี
4. สั่งสมบุญด้วยความเคารพในทานร่วมกัน
5. อธิษฐานให้มาเป็นพ่อแม่ & ลูก สามี & ภรรยากันอีก
- สรุปความนอกจากนอนพักผ่อน เเละติดต่อราชการขอนแก่นกับพ่อญาติพ่อ ราชการมหาสารคามบ้านแม่
ถ้าหากบ้านถูกสร้างเสร็จก็จะเป็นจุดถ่ายรูปที่ดีที่สุดจุดหนึ่งของหมู่บ้านครับ
เพลง : แสนคำนึงเถากับลาวสวยรวย
ภาพประกอบ กลองยาวคณะเหล่าบัวบาน
อำเภอเชียงยืน
ข้อมูลจากชมรมศิลปะวัฒนธรรมอีสานจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเรื่องเครื่องดนตรีประจำจังหวัดมหาสารคามคือกลองยาวหนังวัว
กลองยาวคณะงัวบาสามัคคี
บ้านงัวบา ตำบลงัวบา อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม
ประวัติกลองยาวคณะงัวบาสามัคคี
วงกลองยาวคณะงัวบาสามัคคี ตั้งอยู่ที่บ้านงัวบา ตำบลงัวบา อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๔ มีหัวหน้าคือนายหลวย บาลิสี วงกลองยาวคณะนี้ได้รับงบประมาณในการก่อตั้งคณะจากคณะผ้าป่าสามัคคีของลูกหลานหมู่ที่ ๒ ซึ่งไปทำงานที่กรุงเทพฯ นำมาสนับสนุน จำนวน ๑๒๐,๐๐๐ บาท เพราะต้องการให้บ้านงัวบาหมู่ที่ ๒ มีคณะกลองยาว โดยเริ่มต้นจากกลองยาว ๑๒ ใบ กลองรำมะนา ๒ ใบ ฉาบ ๔ คู่ ฉิ่ง ๒ คู่ กีตาร์เบส ๑ ตัว พิณ ๑ ตัว ออร์แกน ๑ ตัว ฯลฯ รวมถึงเครื่องขยายเสียงต่างๆ ด้วย มีสมาชิกนักดนตรีในคณะทั้งหมด ๒๔ คน
การฝึกหัดตีกลองจังหวะต่างๆของคณะงัวบาสามัคคีนั้น ทางคณะได้ไปว่าจ้างให้นายเที่ยง พินทะปะกัง และนักดนตรีคณะเทพนิมิต จากบ้านตลาด ตำบลหวายมาเป็นผู้ฝึกหัดให้ในราคา ๖,๐๐๐ บาท ใช้เวลาฝึกประมาณ ๒ เดือนจึงทำให้รูปแบบหรือการแสดงต่างๆ ของคณะงัวบาสามัคคีจึงมีรูปแบบเหมือนกับกลองยาวคณะเทพนิมิตทุกประการ เช่น การต่อตัวและจังหวะกลองเป็นต้น
การประสมวง
กลองยาวคณะงัวบาสามัคคี เป็นวงกลองยาวประยุกต์ คือมีเครื่องขยายเสียงและเครื่องดนตรีสากลเข้ามาช่วยให้เสียงดนตรีมีเสียงดังไกลขึ้น โดยใช้แบตเตอรี่ และยังเพิ่มเติมเครื่องดนตรีสากล เช่น กลองชุด กีตาร์เบส ออร์แกน พิณ รวมทั้งมีเครื่องดนตรีอีสานเช่นเดียวกับคณะกลองยาวทั่วๆ ไปดังนี้
กลองยาว ๑๒ ใบ
กลองรำมะนา ๒ ใบ
ฉาบ ๔ คู่
ฉิ่ง ๒ คู่
กีตาร์เบส ๑ ตัว
กลอง ทรีโอ ๑ ตัว
ออร์แกน ๑ ตัว
พิณ ๑ ตัว
การเดินแห่ของกลองยาวคณะงัวบาสามัคคีนอกจากจะมีเครื่องดนตรีข้างต้นแล้วยังมีขบวนฟ้อนรำประกอบ เพื่อความสวยงาม โดยมีการจัดริ้วขบวนคล้ายกับคณะเทพนิมิตดังนี้
๑.นางรำ
๒.ฉาบ
๓.กลองรำมะนา
๔.กลองยาว
๕.กลองชุด
๖.ออร์แกน
๗.กีตาร์เบส
๘.พิณ
๙.รถเครื่องขยายเสียง
การไหว้ครูของกลองยาวคณะงัวบาสามัคคี
ในการไหว้ครูของกลองยาวคณะงัวบาสามัคคี มีค่าค่ายที่ใช้ไหว้ครูดังนี้
คายไหว้ครู ประกอบด้วย
๑.เงิน ๑๒ บาท
๒.แป้ง ๑ กระป๋อง
๓.ขัน ๕
๔.ขัน ๘
๕.เทียนใหญ่ ๑ คู่
๖.สุราขาว ๑ ขวด
๗.ผ้าขาว ๑ ผืน
ผลงานของกลองยาวคณะเพชรงัวบา
ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ ๒ ถ้วย ข ประเภทกลองยาวประยุกต์ ในการประกวดกลองยาวงานออนซอนกลองยาวชาววาปีของดีพื้นบ้าน
ปี พ.ศ.๒๕๔๘ ได้รับรางวัลชนะเลิศ การประกวดกลองยาวในงานรดน้ำดำหัว นายเสนาะ เทียนทอง ที่จังหวัดสระแก้ว ในนามตำบลบักฝ้าย
บทบาทและหน้าที่ในสังคมและวัฒนธรรม
กลองยาวคณะงัวบาสามัคคี มีบทบาทในส่วนที่เป็นการเสริมให้ความสนุกสนาน เป็นสีสันในงานต่างๆ เช่น งานแห่ในเทศกาล งานบุญ การแสดงในพิธีเปิดงานเทศกาลต่างๆ ทั้งในส่วนท้องถิ่น และระดับภูมิภาค สร้างชื่อเสียงให้กับชาววาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม และเป็นภูมิปัญญาหนึ่งที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับคนอีสาน
เก็บข้อมูล ณ บ้านงัวบา ตำบลงัวบา
อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม
เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๘ โดย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดมหาสารคาม
ไปมามหาสารคาม ตอนจำได้ดี
รางวัลกินรี รางวัลอันทรงเกียรติ เครื่องหมายแห่งคุณภาพอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย
สำหรับการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยครั้งที่ 12 ประจำปี 2562 ได้มีการจัดประกวด 3 ประเภทรางวัลหลัก 12 สาขารางวัลย่อย
จะมีรางวัลในสาขาอะไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ !!
#รางวัลกินรี #รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย
เป็นรูปต้นไม้ใหญ่และท้องทุ่ง หมายถึง พื้นดินอันอุดมให้ความสุขสมบูรณ์แก่ประชาชน ซึ่งมีการทำนาเป็นอาชีพหลัก พื้นที่ในจังหวัดนี้อุดมสมบูรณ์ด้วยข้าวปลาอาหาร
นอกจากการทำนาชาวเมืองยังมีอาชีพอีกหลายอย่าง เช่น ทำเกลือสินเธาว์ ไร่ฝ้าย ยาสูบ และเลี้ยงไหม เมืองมหาสารคามแยกออกมาจาก แขวงเมืองร้อยเอ็ดในสมัยรัชกาลที่ 4แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
จังหวัดมหาสารคามใช้อักษรย่อว่า "มค"
คำขวัญประจำจังหวัดมหาสารคาม
"พุทธมณฑลอีสาน ถิ่นฐานอารยธรรม ผ้าไหมลํ้าเลอค่า ตักสิลานคร"
ดอกไม้ประจำจังหวัดมหาสารคาม
เปลือกราก : ใช้เป็นยาระบาย ขับน้ำเหลืองเสีย รักษาโรคงูสวัด
น้ำยาง : ใช้ทาโรคหิด งูสวัด
เมล็ด : ใช้เป็นยาห้ามเลือดภายใน
ดอก : ผสมกับพลู เป็นยาแก้ไข้ ไข้มาเลเรีย
ฝัก - ใช้ฝนทาแก้ริดสีดวงทวาร
ต้นพฤษ (ตุ้ดถอนนา) รูปร่างลักษณะ
- ไม้ต้น ผลัดใบสูง
15 – 25 เมตร เปลือกสีเทาเข้มหรือน้ำตาลอมเหลือง ขรุขระ เปลือกในสีแสด
- ใบ ประกอบแบบขนนก 2 ชั้น เรียงสลับ มีก้านแขนงออกตรงข้ามกัน 4 – 9 คู่ แผ่นใบย่อมเล็กรูปขอบขนานขอบเบี้ยวกว้าง 1 – 2.5 เซนติเมตร ยาว 2 – 4 เซนติเมตร ดอกเล็กสีขาวกลื่นหอมออกเป็นกลุ่มกลมที่ปลายก้าน ช่อฝักรูปขนานแบนและบาง กว้าง 2 – 5 เซนติเมตร ยาว
10 –30 เซนติเมตร เมื่อแห้งสีฟางข้าว เมล็ด มี 4 – 10 เมล็ด
- ออกดอกในเดือนมีนาคม – เมษายน
- เป็นฝัก กันยายน – ธันวาคม
การขยายพันธุ์ - ขยายพันธุ์ โดยการเพาะเมล็ด
สภาพที่เหมาะสม - สภาพดินที่เสื่อมโทรม เป็นไม้โตเร็ว: ขึ้นได้ดีในพื้นที่เสื่อมโทรม เป็นไม้เบิกนำที่ดี
ประโยชน์ - เนื้อไม้ใช้ทำสิ่งปลูกสร้าง เครื่องมือทางการเกษตร เปลือก ให้น้ำฝาดใช้กอกหนัง เปลือก มีรสฝาดใช้รักษาแผลในปาก ลำคอ เหงือก เมล็ด รักษาโรคผิวหนัง ใบ ใช้ดับพิษร้อนทำให้เย็น
*********ขุดบ่อน้ำใต้ดินรดน้ำต้นไม้เท่านั้นเอง 6ปีที่ผ่านมาของผมถูกโปรตรอนใต้ดินทำร้าย ⛽🔘*************
ไม่รู้ว่าปลอมใคร ไม่รู้ว่าใครปลอมลายเซ็น ไม่รู้ว่าใครอ้างราชการ แต่พอผมอ่านข่าวย้อนหลังถึงรู้ว่าปี 2558 ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามกับนายอำเภอเชียงยืนถูกนายกรัฐมนตรี มีคำสั่งลงโทษราชการกระทรวงมหาดไทย 10 ราย 1 ใน 10 ก็คือผู้ว่าและนายอำเภอบ้านผมเองครับในปี 58 นั้นผมบอกได้เลยว่าเป็นปีที่อายคนแทบมุดแผ่นดินหนี เพราะว่าพวกอสมบ้านหนองมันปลาเนี่ยบอกว่าผมเนี่ย ต้องการยารักษา อาการ ถูกมั่วสุมจิตเวชแจกหนัก ทั้งๆที่ผมถูกแอบใส่สารพิษในอาหารจะซื้อมาบ้างจากพืชผักที่เราไม่รู้บ้างจากอาหารที่มีคนฝากมาให้เรากินบ้างจากที่เราซื้อมาจากตลาดบ้างจากที่แม่เราเป็นคนทำตามคำสั่งของญาติมาบ้างอย่างนี้นะครับผมไม่รู้ปี 58 ผมจำได้ว่าผมใช้สิทธิ์ที่คำประกาศของผู้ป่วยเกี่ยวกับเรามีสิทธิ์ที่จะเลือก ว่าจะรักษาตัว แล้วก็มีผลร้าย สุขภาพของเรานะครับผมก็รายงานให้แพทย์ทราบแล้วว่ากูคำ 145 ที่เราเคยโกงรายเซ็นไปสมัครงานเมื่อหลายสิบปีก่อนท่านตายคราวนี้เขาก็เลยใช้พี่ชายเป็นคนพาไปให้หมอนั่งสัมภาษณ์ปรากฏว่า เขา นั่งเดาว่าผมป่วยเป็นอะไร ผมก็จำได้แค่เพียง ยานอนหลับหมอก็เลยให้ยานอนหลับมาก็เลยกลับบ้านนอนไม่นานก็ทุ่มเถียงกันทั้งวันทั้งคืนมา 2-3 ปีแล้วนะครับ แล้วก็ญาติเสียกันไป 4-5 คนเหตุการณ์ที่บ้านพักของญาติก็ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ ปี57-58เคยไปส่งเอกสาร ที่ศาลากลางตามคำบอกของครูกับคนพวกนี้หละครับ หนองมันปลา
ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามและนายอำเภอ เจ้าที่เจ้ากรรมนายเวรแถวนี้นะครับบอกว่า อดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ชินวัตรกับสสเมืองขอนแก่น คุณภูมิสาระผลนะครับทำให้ผู้ว่าฯ/นายอําเภอบ้านผม พลอยฟ้าพลอยฝนคดีทุจริตจำนำข้าวเหนียวไปด้วยครับ ขอบคุณล่วงหน้า555
เป็นต้น
หัวหน้า คสช. ใช้ ม.44 สั่งระงับการทำงานของข้าราชการตั้งแต่ระดับปลัด กระทรวง,ผู้ว่าฯ,นายอำเภอ,นายกเทศมนตรี,นายกอบต.ถูกตรวจสอบทุจริต อ่านรายชื่อ 45 รายที่ถูกระงับทำงานหลังตรวจพบทุจริต
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม
2558 ราชกิจจานุเบกษาได้ตีพิมพ์คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 16/
2558 เรื่อง มาตรการแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบ และการกําหนดกรอบอัตรากําลังชั่วคราว ระบุว่า
โดยที่เจ้าหน้าที่ของรัฐในส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานอื่นๆ ของรัฐหลายรายอยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบของสํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ,สํานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และสํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน มูลกรณีเป็นเรื่องกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ ทําให้เสียหายแก่ทางราชการหรือทําให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน
แม้ผลการตรวจสอบยังไม่อาจสรุปความผิดได้ชัดเจนถึงขั้นชี้มูลความผิดแต่บางเรื่องมีการกระทําเป็นขบวนการ การตรวจสอบจึงใช้เวลานานและบางเรื่องไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้เกี่ยวข้องเท่าที่ควรดังที่หน่วยงานตรวจสอบดังกล่าวได้แจ้งให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติและรัฐบาลทราบมาเป็นลําดับ
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช
2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เห็นควรกําหนดมาตรการแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบดังกล่าวและกําหนดกรอบอัตรากําลังชั่วคราวเพื่อรองรับมาตรการเช่นว่านั้น
อีกทั้งเพื่อประโยชน์ในการหมุนเวียนบุคลากรสําหรับการขับเคลื่อนการปฏิรูปและเร่งรัดติดตามการดําเนินการตามนโยบายสําคัญของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและของรัฐบาล เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปราชการแผ่นดิน จึงมีคําสั่งดังต่อไปนี้
เพิ่มอัตรากำลังคราวสำนักนายกฯ 100 อัตรา
ข้อ 1 ให้มีกรอบอัตรากําลังชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษในสํานักนายกรัฐมนตรีจํานวนหนึ่งร้อยอัตรา เพื่อรองรับการบรรจุและแต่งตั้งบุคคลตามข้อ 2 และตามบัญชีรายชื่อเพิ่มเติมในข้อ 5 หรือบุคคลตามวรรคสามของข้อนี้ที่คณะรัฐมนตรี หรือผู้บังคับบัญชาผู้มีอํานาจบรรจุและแต่งตั้งแล้วแต่กรณีเห็นสมควรให้ขาดจากตําแหน่งหน้าที่และอัตราเงินเดือนเดิมเพื่อย้ายหรือโอนไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งที่เป็นอัตรากําลังชั่วคราวดังกล่าว
การย้ายหรือโอนบุคคลไปแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งที่เป็นอัตรากําลังชั่วคราวตามวรรคหนึ่ง ให้ดําเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน ในกรณีนี้ให้สํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี และสํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ร่วมกันกําหนดชื่อตําแหน่งหน้าที่ความรับผิดชอบ และสิทธิประโยชน์ของบุคคลดังกล่าวโดยอนุโลมตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการ
คณะรัฐมนตรีอาจให้ความเห็นชอบให้แต่งตั้งผู้ซึ่งมิได้อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบ มิได้มีความผิดและมีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติราชการให้ไปดํารงตําแหน่งที่เป็นอัตรากําลังชั่วคราวตามวรรคหนึ่งในตําแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษหรือผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษประจําสํานักนายกรัฐมนตรีซึ่งมีฐานะและสิทธิประโยชน์เทียบเท่าตําแหน่งเดิม มีหน้าที่รับผิดชอบการปฏิรูปราชการแผ่นดินตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายก็ได้
ในกรณีที่ปรากฏว่าผู้ดํารงตําแหน่งที่เป็นอัตรากําลังชั่วคราวไม่มีเหตุ ถูกตรวจสอบหรือไม่จําเป็นต้องดํารงตําแหน่งที่เป็นอัตรากําลังชั่วคราวต่อไปและผู้นั้นยังไม่ออกจากราชการ ให้นายกรัฐมนตรีดําเนินการเพื่อแต่งตั้งผู้นั้นไปดํารงตําแหน่งตามเดิมหรือตําแหน่งอื่นในประเภทเดียวกนและระดับเดียวกัน
ให้สํานักงบประมาณจัดงบประมาณแก่สํานักนายกรัฐมนตรีเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามข้อนี้
ย้ายข้าราชการไปอยู่ในตำแหน่งใหม่
ข้อ 2 ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ระงับการปฏิบัติราชการในตําแหน่งเดิมเป็นการชั่วคราวและไปปฏิบัติราชการในตําแหน่งประจําสํานักงานปลัดกระทรวงในกระทรวงที่สังกัดโดยไม่ขาดจากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิมและให้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่รัฐมนตรีเจ้าสังกัดมอบหมาย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะมีคําสั่งให้ผู้นั้นไปปฏิบัติหน้าที่ในส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นของรัฐเป็นการชั่วคราวก็ได้
นายกรัฐมนตรีอาจมีคําสั่งเปลี่ยนแปลงคําสั่งข้อนี้ได้ตามที่เห็นสมควร
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ข้อ 3 ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ 3 และกลุ่มที่ 4 ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ระงับการปฏิบัติราชการในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดํารงตําแหน่งอยู่เป็นการชั่วคราวโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนจนกว่านายกรัฐมนตรีจะมีคําสั่งเป็นอย่างอื่น
ข้อ 4 ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ 5 ตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ไปช่วยราชการที่ศาลากลางจังหวัดที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นตั้งอยู่หรือสถานที่ราชการอื่นตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกําหนดแต่ต้องมิใช่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่ โดยไม่ต้องมีคําร้องขอ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายเป็นผู้บังคับบัญชามีอํานาจมอบหมายให้ผู้นั้นปฏิบัติงานตามความเหมาะสม จนกว่านายกรัฐมนตรีจะมีคําสั่งเป็นอย่างอื่น
ในกรณีนี้ มิให้บุคคลดังกล่าวได้รับเงินประจําตําแหน่งและสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการชั่วคราว ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น พ.ศ.
2555 อันเนื่องจากการไปช่วยราชการตามคําสั่งนี้
คำสั่งอาจมีมาอีกระลอกเพิ่มเติม
ข้อ 5 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อาจประกาศบัญชีรายชื่อบุคคลเพิ่มเติมจากรายชื่อตามบัญชีแนบท้ายคําสั่งนี้ก็ได้ ในกรณีนี้ให้นําความในข้อ 2 ข้อ 3 และข้อ 4 มาใช้บังคับโดยอนุโลม
ข้อ 6 ในกรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคําสั่งนี้ ให้สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนหรือกระทรวงมหาดไทยแล้วแต่กรณีเสนอปัญหาและแนวทางแก้ไขให้นายกรัฐมนตรีวินิจฉัย คําวินิจฉัยของนายกรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด
คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 15 พฤษภาคม พุทธศักราช
2558พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

นายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บัญชีกลุ่มที่ถูกลงโทษมีใครบ้าง
สำหรับบัญชีแนบท้ายคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ที่ 16/
2558 แบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ข้าราชการ จำนวน 24ราย แบ่งออกเป็น
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 4ราย ได้แก่ นายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวง,ว่าที่ร้อยตรีอานุภาพ เกษรสุวรรณ์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว, นายพัฒนาชาติ กฤติบวร อธิบดีกรมพลศึกษา และ นายนิวัตน์ ลิ้มสุขนิรันดร์ รองอธิบดีกรมพลศึกษา, กระทรวงการคลัง 6 ราย ได้แก่ นายสาธิต รังคศิริ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวง, นายราฆพ ศรีศุภอรรถ ผู้ตรวจราชการกระทรวง, นายป้อมเพชร วิทยารักษ์ผู้เชี่ยวชาญประจําภาค 7, นายศุภกิจ ริยะการ (นายสิริพงษ์ ริยะการธีรโชติ) สรรพากรพื้นที่นราธิวาส จังหวัดนราธิวาส, นายพายุ สุขสดเขียว สรรพากรพื้นที่ปัตตานี จังหวัดปัตตานี และนายมานิตย์ พลรัตน์ สรรพากรอําเภอ สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาเมืองตาก จังหวัดตาก
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2 ราย ได้แก่ นายปัญญา ศิลปะ เกษตรจังหวัดนครราชสีมา และนายอุดร ชมาฤกษ์ เกษตรจังหวัดอุบลราชธานี
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง,
กระทรวงมหาดไทย 10 ราย ได้แก่ นายแก่นเพชร ช่วงรังษี รองปลัดกระทรวง, นายกิตติภพ ตราชูวณิช ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง,❌🆘 นายนพวัชร สิงห์ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี, นายเวชสุวรรณ อาจวิชัย หัวหน้าสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดมุกดาหาร, นายนิรันดร์ บุญสิงห์ หัวหน้าสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดสุรินทร์, ❌นายพรต ภูภักดิ์ นายอําเภอเชียงยืน ❌จังหวัดมหาสารคาม, นายภัลลพ พิลา นายอําเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี, นายสมภพ ร่วมญาติ นายอําเภอโนนสะอาด จังหวัดอุดรธานี, นายอรรณพ อกอุ่น นายอําเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี และนายวีรชาติ ผ่องโชติ นายอําเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แก่ พลตํารวจโทสุรพล ทวนทอง จเรตํารวจ
กลุ่มที่ 2 หน่วยงานอื่นของรัฐ ได้แก่ นายประเสริฐ อภิปุญญา กรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของสํานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ ซูเปอร์บอร์ด กสทช.
กลุ่มที่ 3 นายกและรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบล (อบต.) จํานวน 14 ราย ได้แก่ นายชาติ กันล้อม นายก อบต.ท่าตําหนัก อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม, นายเดชาวุธ เสนยะ นายก อบต.น้ำตก อ.นาน้อย จ.น่าน, นายสนธยา มีสถิตย์ นายก อบต.ลําเลียง อ.กระบุรี จ.ระนอง, นายมนตรี ถ้ำเล็บมือ นายก อบต.หนองเดิ่น อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ, นายสริภพ ภูนิสัย นายก อบต.ทองเอน อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี, นายวรวุฒิ ยิ้มจันทร์ รองนายก อบต.ทองเอน,นายประทีป ยั่งยืน นายก อบต.บางเมือง อ.เมืองฯ จ.สมุทรปราการ, นายภัทรพล จำปารัตน์ นายก อบต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ,นายทรงชัย นกขมิ้น นายก อบต.ราชาเทวะ อ.บางพลี และ นายมนตรี บุญสุยา นายก อบต.แกใหญ่ อ.เมืองฯ จ.สุรินทร์,นายสมภาร เคนหาญ นายก อบต.กุดจิก อ.เมืองฯ จ.หนองบัวลําภู, นายทนงทรัพย์ ถนอมจิตต์ นายก อบต.จิกเทิง อ.ตาลสุม จ.อุบลราชธานี,นายสุวรรณ เมฆบุตร นายกอบต.คันไร่ อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี และนายวงศ์พิสุทธิ์ ดํารงค์สิทธิ์ นายก อบต.ช่องเม็ก อ.สิรินธร
กลุ่มที่ 4 นายกเทศมนตรี จํานวน 3 ราย ได้แก่ น.ส.สุนี ปูนกลาง นายกเทศมนตรีตําบลใหม่ อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา, นายปัญญา เขียวธง นายกเทศมนตรีตําบลต้นธง อ.เมืองฯ จ.ลําพูน และนายรัชนาท ภูผินผา นายกเทศมนตรีตําบลทุ่งฝน อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี
กลุ่มที่ 5 ปลัดและรองปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จํานวน 3 ราย ได้แก่ น.ส.มณีรัตน์ ดวงกุณา ปลัดอบต.หนองเดิ่น อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ, นายฟ้าใส เสนาธรรม (นายชยพล เสนาธรรม) ปลัดเทศบาลตําบลบ้านแปะ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ และนายนพคุณ พรหมพุทธา รองปลัดเทศบาลตําบลต้นธง อ.เมืองฯ จ.ลําพูน เป็นต้น
First posted: 15 พฤษภาคม
2558 23:42
Author : paisan
พรต เเปลว่า นักบวช ตรวจข่าวกรองเเล้วคือข่าวท่าน นปช สนย.กทม.นี่เอง อิอิอิ
8 ก.พ.62 นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับ56 พรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.)ในฐานะแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวถึงกรณีพรรคไทยรักษาชาติ เสนอพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นนายกรัฐมนตรีบัญชีของพรรค ว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และบ้านเมืองอย่างมาก แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค มากด้วยบารมี เป็นศูนย์กลางความสามัคคี ตนเชื่อว่าจะทำคนให้ที่คิดแตกต่างกลับคืนสู่ความสงบสุข สันติสุข ในสังคมทุกวันนี้ยังโกรธ เกลียดกัน
“ด้วยบุคลิกผู้นำประเทศตอนนี้เต็มไปด้วยความโกรธ ไร้ซึ่งเมตตาธรรม การจะให้ประเทศขับเคลื่อนเดินต่อไปได้ ต้องมีนายกรัฐมนตรีที่มีบารมีนำความแตกต่าง นำความหลากหลาย ให้เป็นคุณต่อบ้านเมือง ไม่ใช่มุ่งหวังเอาแพ้ เอาชนะกันเพียงอย่างเดียว” นายวิภูแถลง กล่าว
แกนนำ นปช. กล่าวด้วยว่า หลายคนอาจสงสัยแล้วเรื่องนี้จะเป็นหรือไม่เป็นประชาธิปไตยต่อไป ตนเห็นว่าความเป็นประชาธิปไตย ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ชาติกำเนิด แต่อยู่ที่จิตสำนึก คนเกิดที่สูง มีจิตสำนึกประชาธิปไตยมีอยู่มาก คนชั้นล่างเกิดมามีจิตสำนึกเป็นเผด็จการก็มีมากเช่นกัน ประเด็นรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรค นปช.พอทราบความอยู่บ้าง ต่างเห็นว่าประเทศเราต้องการบุคคลที่มีบารมี เวลานี้มีความจำเป็น เนื้อหาสูงสุดคือประเทศต้องสงบสุข ทุกคนต้องหันหน้าเข้าหากัน
นายวิภูแถลง กล่าวต่อว่า ดังนั้นคนที่มานำมาเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าพูดตามภาษาฤาษี คือ ต้องมีตบะพรต มีเมตตาธรรม เชื่อมั่นว่าท่านจะคลี่คลายประเทศ นำพาไปสู่ความสงบสุข สันติสุขได้ ตอนนี้ประเทศแห้งแล้งเหลือเกิน ถ้ามีสายฝนโปรยปราย ทำให้แผ่นดินชุ่มฉ่ำ เหมือนสายฝน ไม่เลือกปฏิบัติต่อแผ่นดิน พืชพันธุ์ ที่ผ่านมายังไม่มีใครมีบารมีพอ นำพาคนที่เชื่อแตกต่างให้ไปสู่ความสงบสุขได้
เมื่อถามว่ามีการวิเคราะห์ไปถึงวันข้างหน้าอาจเกิดรัฐบาลแห่งชาติ นายวิภูมิแถลง กล่าวว่า แม้รัฐบาลแห่งชาติ จะไม่ได้ระบุไว้ในกฎหมายอย่างชัดเจน แต่อาจเกิดขึ้นโดยออโตเมติก กฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ แต่ถ้าทุกคนมีความรู้สึกร่วม มีคนมีเมตตาธรรมที่จะพาประเทศไปสู่ความสงบสุข คงไม่มีใครคัดค้าน
“ถ้าท่านได้เป็นนายกรัฐมนตรีจริง เป็นผู้ที่ตบะพรตได้ บารมีถึง เมตตาธรรมถึง คงไม่มีใครคัดค้าน เพราะจะมาเยียวยาประเทศ ให้พ้นความโกรธ เกลียด และนำพาประเทศไปสู่ความสงบสุข สันติสุข” นายวิภูแถลง กล่าว
##############################
การหาเหตุผลราชการ ลองทดลองคิดดูครับ ญาติทุจริตคุณสมบัติเเล้วรายงานศาลากลางว่า ถูกรังเเกประพฤติชั่ว
จึงหนีราชการเเละไม่ขยันขันแข็ง หมอรพ.มหาสารคามเลยลงการเมือง
เรามีเพื่อนร่วมกัน3คน สมาคมชาวจีนโพ้นทะเล.. ศิลปินอุอุอุอุอิอิอิอิแต่.. ท่านคงอยู่มหาสารคามตลอดน่ะครับ
9 นโยบาย #พรรคเพื่อชาติ ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างโอกาสให้กับคนจน ส่งเสริมเกษตรกรฐานราก สร้างมาตรฐานด้านสาธารณสุขให้คนไทย และใส่ใจชีวิตคนเมือง
1.นโยบายยกระดับสถานีอนามัยให้เป็นโรงพยาบาลตำบลที่มีความทันสมัย
2. นโยบาย 1 ตำบล 1 นักศึกษาแพทย์
3. นโยบายโฉนดใบเดียวทั้งแผ่นดิน
4. นโยบายยกเลิกการผูกขาดตัดตอน และยกเลิกสัมปทาน ที่กีดขวางการพัฒนาโอกาสของคนยากจน
5. นโยบายปลอดภาษีเครื่องจักรยนต์ เพื่อการเกษตร และประมง
6.นโยบายเงินช่วยเหลือผู้สูงวัย 2,000 บาทต่อเดือน
7.นโยบายการวางผังเมืองใหม่ ให้กลายเป็น Green and Clean City
8.นโยบายทลายกำแพงใจ
9. นโยบายราคาพืชผลทางการเกษตร
.
พี่น้องติดตามข่าว #พรรคเพื่อชาติ #ทำเพื่อชาติ
ทางไลน์ คลิกที่นี่
ผู้เขียนวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2562 ผมมีความสนใจนะครับแต่นโยบาย ของพรรคการเมืองน่าจะจบลงที่ตำรวจ หรือนายกรัฐมนตรี 2 ประเด็นสำคัญถ้าเราเข้าไปนั่งฟังตามที่ท่านขุนเดชมาที่บ้านหนองมันปลาให้ออกไปฟังนโยบายของพรรคท่านที่บึงหนองโพน หน้าที่ว่าการอำเภอเชียงยืน
ถ้าเป็นกรณีนายกก็จะมีประเด็นแยกย่อยออกเป็นหลายเรื่องนะครับเช่นคุณสมบัติต่อคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนอย่างนี้นะครับเป็นต้น กระบวนการทางรัฐสภาไม่ถูกก็จะเป็นองค์กรอิสระ วิธีการประชุมไม่ถูกต้องก็จะเป็นกระบวนการออกพระราชบัญญัติให้กระทรวงการคลังมีอำนาจขอกู้เงิน ขึ้นอยู่กับความสำคัญและก็กระบวนการควบคู่กัน
แต่ถ้าเป็นตำรวจเป็นประเด็นสำคัญก็คือเรื่องความเหลื่อมล้ำความไม่เท่าเทียมความไม่ปฏิบัติเสมือนญาติมิตรหรือว่าข่มเหงประชาชนผู้รับบริการหรือติดต่อราชการก็จะเป็นประเด็นของ เจ้าหน้าที่ตำรวจ
ประเด็นเกี่ยวกับหมอก็จะจบที่นโยบายตำรวจอย่างแน่นอน คนมหาสารคามบ้านเรา
ระเบียบเกี่ยวกับยาพิษและสารพิษ
ข้อ 557 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เมื่อมีผู้มาแจ้งหรือเจ้าหน้าที่ได้ทราบว่ามีคนกินยาพิษหรือสารพิษเพื่อฆ่าตัวตายหรือวางยาพิษหรือสารพิษเพื่อฆ่าให้ตัวตายก็ดี
ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปทำการสืบสวนสอบสวนกับจัดการช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลรักษาทำนองเดียวกับคนต้องบาดเจ็บสาหัสหรืออาจถึงตาย
ข้อ 558 ในคดีเรื่องวางยาพิษหรือสารเป็นพิษให้จัดการเป็นพิเศษ
ก ให้ห่อตีตราไว้ต่อหน้าพยานหรือสิ่งที่อาเจียนออกมาติดอยู่กับตัวหรือที่นอนก็ดีให้คอยเช็ดด้วยผ้าสะอาดเอาห่อตีตราไว้หรือเสื้อผ้าเสือกระดานหรือพื้นดินหรือพบสิ่งใดที่เปียกหรือถูกอาเจียนนั้นต้องรวบรวมไว้เพื่อส่งให้ผู้ชำนาญตรวจต่อไป
ข. ให้สอบสวนหลักฐานและบันทึกไว้โดยละเอียดดังนี้
๑. ระหว่างเวลาตั้งแต่ได้กินสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ไปเช่นยาหรือสิ่งอื่นๆเป็นต้นจนถึงเวลาที่มีอาการรู้สึกว่าถูกยาพิษ
๒. เวลาตั้งแต่ได้กินของครั้งสุดท้ายจนถึงเวลาผู้นั้นตาย
๓. ตั้งแต่ผู้นั้นมีอาการรู้สึกถูกยาพิษหรือสารเป็นพิษ ผู้นั้นได้เคลื่อนที่ไปแห่งอื่นบ้างหรือไม่แม้เคลื่อนๆไปกี่มากน้อย
๔. อาการของผู้ถูกยาพิษหรือสารเป็นพิษนั้นมีอาการอย่างไรบ้าง
ฯลฯ
ข้อ559 ของกลางที่สงสัยว่าเป็นยาพิษ สารเป็นพิษ หรือมียาพิษ สารเป็นพืชอื่นเจือปนให้ส่งไปตรวจพิสูจน์ยังกองพิสูจน์หลักฐาน สํานักงานตํารวจแห่งชาติ การส่งนั้นให้กรอกรายละเอียดประกอบการพิจารณาของผู้ชำนาญ ลงในแบบพิมพ์รายงานคดีผู้ถูกวางยาพิษ หรือสารเป็นพิษ ซึ่งจะต้องบันทึกส่งพร้อมของกลางตามแบบพิมพ์ที่แนบท้ายระเบียบนี้
ข้อ 560 การส่งยาพิษไปให้ผู้ชำนาญตรวจนั้นให้ถือปฏิบัติดังนี้
๑. ถ้าเป็นคดีที่มีหลักฐานพอฟ้องให้ส่งไปตรวจได้
๒. ถ้าการสอบสวนยังไม่ได้พยานหลักฐานพอฟ้อง ให้เก็บยาพิษไว้ให้มิดชิดก่อนรอหาพยานหลักฐานเพื่อได้พยานหลักฐานพอฟ้องจึงส่งไปตรวจ
๓. ถ้าการสอบสวนไม่ได้หลักฐานพอฟ้องจะเก็บยาพิษไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วให้หัวหน้าสถานีตำรวจนั้นสั่งทำลายสารที่สงสัยเป็นยาพิษนั้นเสียได้
๔. ถ้าไม่เกี่ยวกับคดี ไม่จำเป็นต้องส่งยาพิษนั้นไปตรวจ
ข้อ 561 ในเหตุที่มีผู้ดื่มยาอันตราย ให้พนักงานสอบสวน สอบสวนถึงความผิดข้ออื่นด้วยดังนี้
๑. เหตุเนื่องจากการใช้น้ำมันระกำ น้ำกรด หรือยาพิษอื่นๆทำลายร่างกายหรือชีวิตเกิดขึ้นในท้องที่ใดๆแล้ว ให้สอบสวนให้รู้ว่าน้ำมันระกำ น้ำกรด หรือยาพิษ ผู้นั้นผู้ใช้ได้มาจากผู้ใด อย่างไร
๒. ผู้ที่ให้น้ำมันระกำ น้ำกรด หรือยาพิษดันเป็นผู้มีสิทธิจะมีไว้หรือหม้อไปตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติควบคุมการขายยาหรือไม่
๓. เมื่อปรากฏว่าการกระทำของผู้ใด อันเกี่ยวกับน้ำมันระกำ น้ำกรด หรือยาพิษ เป็นการผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการขายยาแล้ว ให้ดำเนินคดีแก่ผู้กระทำผิดพรบนั้นนอกจากความผิดฐานอื่นที่พึงมี